--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ความกังวล ของคนเล่นทองคำ !!??

โดย ธนรัชต์ พสวงห์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด

ครึ่ง ปีแรกที่ผ่านมาราคาทองคำเคลื่อนไหวในลักษณะขาลง โดยนักลงทุนมีมุมมองต่อเศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว ทำให้เม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นทั่วโลก ประกอบกับความกังวลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะถอนมาตรการ QE จึงทำให้ปีนี้ทองคำกลับไม่ได้รับความน่าสนใจในการลงทุน โดยในช่วงครึ่งปีแรกราคาทองคำปรับตัวลงแรงในช่วงเทศกาลสงกรานต์

แล้ว หลังจากการประชุมเฟดในวันที่ 18-19 มิถุนายน 2556 โดยในคำแถลงครั้งนี้ได้มีการกำหนดเวลาที่ชัดเจนในการถอนมาตรการ ว่าอาจเกิดขึ้นในช่วงสิ้นปีนี้ หากข้อมูลเศรษฐกิจบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวตามที่คาดการณ์ไว้ และจะยังคงลดขนาดวงเงินซื้อพันธบัตรไปจนถึงช่วงครึ่งแรกของปีหน้า ก่อนที่จะมีการยุติมาตรการต่อไป

โดยเฟดประเมินว่าอัตราการว่างงาน ของสหรัฐในช่วงนั้นจะอยู่ที่ระดับ 7% สำหรับเรื่องอัตราดอกเบี้ยแถลงการณ์จากการประชุมเฟดยืนยันว่าจะคงอัตรา ดอกเบี้ยไว้ที่ 0% ต่อไป ตราบใดที่อัตราว่างงานยังคงยืนเหนือระดับ 6.5% และอัตราเงินเฟ้อจะยังคงต่ำกว่า 2.5% ซึ่งคาดว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ราวกลางปี 2558

อย่างไรก็ดี ในเดือนกรกฎาคมคำแถลงของประธานเฟดกลับสร้างความหวังให้กับนักลงทุนทองคำอีก ครั้ง ประธานเฟดได้กล่าวต่อที่ประชุมสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติว่า มาตรการทางการเงิน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยังคงเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากอัตราว่างงานยังสูง และอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางสหรัฐ รวมทั้งนโยบายการคลังที่เข้มงวดจากการเพิ่มภาษีและลดรายจ่ายของภาครัฐมีผล ต่อการจ้างงาน

ในช่วงครึ่งปีหลังประเด็นความกังวลที่เฟดจะถอน มาตรการ QE คงเป็นปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำมากที่สุด และน่าจะกระทบเชิงลบมากกว่า แต่คาดว่าราคาทองคำคงซึมซับประเด็นดังกล่าวไปพอสมควรแล้ว

นับจากนี้ เป็นต้นไป ตลาดจะให้ความสำคัญต่อตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐมากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะอัตราการว่างงาน มีความเป็นไปได้สูงทีเดียวว่าเฟดจะถอนมาตรการ QE ในช่วงกลางปีหน้า เนื่องจากอัตราการว่างงานปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 7.6% คาดว่าจะสามารถลดลงเหลือ 7% ในช่วงกลางปีหน้าได้

นอกจากประเด็นดัง กล่าวแล้ว ยังมีประเด็นเรื่องประธานเฟดคนใหม่ต่อจากเบอร์นันเก้ เนื่องจากคาดการณ์ว่าเบอร์นันเก้คงไม่รับตำแหน่งประธานเฟดต่อเป็นสมัยที่ 3 หลังจากที่จะหมดวาระในเดือนมกราคม 2557 รวมทั้งประธานาธิบดีโอบามาส่งสัญญาณว่าจะไม่แต่งตั้งเบอร์นันเก้ต่ออีกสมัย ดังนั้นในครึ่งปีหลังนอกจากความกังวลว่าเฟดจะถอนมาตรการ QE เมื่อไร ยังมีประเด็นเรื่องการคาดการณ์ว่าใครจะมารับตำแหน่งประธานเฟดคนต่อไปอีกด้วย

แล้วเรื่องนี้จะมีผลต่อนโยบายการเงินที่เน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือเน้นรักษาเสถียรภาพของอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งจะมาสานต่อนโยบายการเงินของเบอร์นันเก้หรือไม่

ส่วนความต้อง การทองคำเพื่อการลงทุนในรูปทองกระดาษทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นอีทีเอฟทองคำและโกลด์ฟิวเจอร์สในปีนี้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่กลับมีแรงซื้อทองคำในรูป Physical เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทองแท่ง ทองรูปพรรณ เหรียญทองคำ โดยเฉพาะในเดือนเมษายนที่ราคาทองคำปรับตัวลงมาอย่างรุนแรง ในแถบเอเชียคนแห่ไปซื้อทอง โดยเฉพาะทองรูปพรรณ ทำให้ถึงกับขาดแคลนในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นไทย จีน และอินเดีย สะท้อน ให้เห็นว่าการซื้อขายทองคำเพื่อเก็งกำไรลดลง แต่การซื้อเพื่อเก็บออมระยะยาวและเป็นเครื่องประดับกลับเพิ่มขึ้น ถึงแม้การลงทุนในอีทีเอฟทองคำ

ดูเหมือนเป็นสัดส่วนไม่มากประมาณ 10% เมื่อเทียบกับความต้องการทองคำทั้งหมด แต่การเทขายทองคำจากอีทีเอฟทองคำในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ถ้าดูจากตัวเลขของการขายทองคำของกองทุน SPDR Gold Trust ในปริมาณที่ค่อนข้างมากเกือบ 400 ตัน คิดเป็น 1 ใน 3 ของการถือครองทองคำของกองทุนในช่วงต้นปี กดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลง

อย่าง ไรก็ดี เม็ดเงินไหลออกจากกองทุน SPDR Gold Trust เริ่มลดลงในเดือนมิถุนายน ทำให้คาดหวังว่าแรงเทขายทองคำจากอีทีเอฟทองคำในครึ่งปีหลังจะลดลง แต่ด้วยมุมมองของนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ต่อราคาทองคำในเชิงลบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ลงทุนในอีทีเอฟทองคำ ทำให้คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้เม็ดเงินยังคงไหลออกจากอีทีเอฟทองคำต่อไป

ที่มา.ประชาชาติธุรกิจ
//////////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น