--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

คลิปพิฆาต !!??

กรณีที่มีการเผยแพร่คลิปเสียงสนทนา ของบุคคล 2 คนที่ผู้เผยแพร่อ้างว่าคนหนึ่งเป็นรัฐมนตรี กับอีกคนคือคนที่อยู่ต่างประเทศ ว่อนไปหมดในโลกสังคมออนไลน์ และกลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองอยู่ในขณะนี้เพราะความเชื่อในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กจากการฟังเสียงจากถ้อยคำในบทสนทนาพุ่งเป้าไปที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กับ พ.ต.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

แน่นอนว่าในทางการเมือง ขั้วตรงข้ามพรรคเพื่อไทย ขั้วตรงข้ามรัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มคนไม่เอาแม้วไม่เอาทักษิณ ปักใจเชื่อกันเกินกว่า 1000% ไปแล้วก็ว่าได้

ซึ่ง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ปฏิเสธไปแล้วว่า ไม่ใช่เสียงของตนเอง และไม่เคยไปพบอดีตนายกฯทักษิณในต่างประเทศทั้งก่อนและหลังการปรับ ครม. รวมทั้งทางฝั่งของเพื่อไทยเองก็ได้มีการตั้งประเด็นสวนขึ้นมาในเรื่องของการตัดต่อคลิปเสียง เพื่อดิสเครดิตทางการเมือง

เชื่อว่าเกมนี้ยังต้องลากกันไปอีกยาว ยังต้องฟัดกันอีกหลายยก เพราะพรรคฝ่ายค้านก็ออกโรงจี้ในเรื่องนี้แล้วว่า รัฐบาล และนายกฯยิ่งลักษณ์ จะต้องชี้แจงเรื่องนี้ให้กระจ่าง

เรื่องนี้น่าสนใจตรงที่ หากในแวดวงของสงฆ์ มีคำว่า “นารีพิฆาต”แล้วไซร้ ในแวดวงการเมือง ก็คงหนีไม่พ้นที่จะต้องมีคำว่า “คลิปเสียงพิฆาต”ด้วยเช่นกัน

ในยุคไฮเทค โทรศัพท์มือถือทุกเครื่อง พร้อมที่จะเป็นเครื่องอัดเสียง หรือเป็นเครื่องถ่ายคลิปต่างๆได้ตลอดเวลา... นั่นแปลว่าไม่ว่าใครก็ตาม หากพลาดก็มีโอกาสพังจากการโดนนำคลิปเสียงหรือคลิปภาพไปแฉในโลกสังคมออนไลน์

ถ้าเป็นของจริง... เจ้าตัวก็ซวยหนัก

ถ้าเป็นการตัดต่อ... คนที่โดนกว่าจะเอาตัวรอดได้ก็สะบักสะบอม เพราะวินาทีแรกที่คลิปถูกโพสต์เข้าไปในโลกออนไลน์ มีคนพร้อมที่จะเชื่อทันทีไม่น้อยกว่า 25%อยู่แล้ว และเมื่อมีการเชื่อไปแล้ว และมีการขยายต่อความเชื่อ ต่อให้มาพิสูจน์ความจริงกันได้ในภายหลังก็ไม่ทันแล้ว

ชื่อเสียง เครดิต ความน่าเชื่อถือ ถูกวิจารณ์เละเทะไปก่อนแล้ว...

กรณีของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ที่เจองานเข้า รับน้องเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมในครั้งนี้ ทำให้เห็นว่า เกมผลประโยชน์ทางการเมืองยังเดือดพล่านทั้งที่เป็นคนละส่วน คนละพวก หรือแม้แต่กระทั่งว่าพวกเดียวกันเอง

แต่ที่สำคัญอีกประการก็คือ ในแวดวงทหาร แวดวงกลาโหม แวดวงกองทัพ ยังถือเป็นพื้นที่อันตราย ที่พร้อมจะเป็นคิลลิ่ง โซน ทางการเมืองได้ในสารพัดรูปแบบ

อย่าลืมว่านี่ไม่ใช่คลิปเสียงที่ถูกปล่อยออกมา เพื่อให้คนฟังเชื่อว่าเป็นเสียงบิ๊กทหาร เป็นครั้งแรกเสียเมื่อไหร่

เมื่อปีที่แล้ว จากกรณีโยกย้ายสลับเก้าอี้ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้น สนับสนุน พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม แทนพล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหมในขณะนั้น ที่กำลังจะเกษียณอายุราชการ

แต่ พล.อ.เสถียร สนับสนุน พล.อ.ชาตรี ทัตติ รองปลัดฯเพราะเห็นว่าหมาะสมที่สุด ที่สำคัญตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นตำแหน่งอัตราจอมพล ซึ่ง พล.อ.ชาตรี นั้นเป็นอัตราจอมพลแล้ว แต่ พล.อ.ทนงศักดิ์ ยังไม่ใช่

ครั้งนั้นนอกจากจะมีการฟ้องกันวุ่นวายไปหมดแล้ว ปรากฏว่าฝ่ายค้าน คือ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ยังมีการนำคลิปเสียงไปเปิดแฉในสภา ระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลด้วย

เป็นคลิปเสียงที่มีเนื้อหาว่ามีการล้วงลูกในการแต่งตั้งโยกย้ายทหาร

เป็นคลิปเสียง ที่ฝ่ายค้านเชื่อว่าเป็นเสียงของ พล.อ.อ.สุกำพล

ที่สำคัญเป็นคลิปเสียงที่ถูกอัดในเขตพื้นที่กระทรวงกลาโหม ถูกอัดในการประชุมหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้อง

ครั้งนี้ที่เชื่อกันว่าเป็นเสียงของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ก็เช่นกัน หากมีการอัดเสียงเกิดขึ้นจริงๆ ก็เป็นการอัดจากคนรอบข้างของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ เองนั่นแหละ

เพราะฉะนั้นไม่ว่าอย่างไร จะต้องยอมรับความจริงว่า พื้นที่ทหารยังคงเป็นพื้นที่อันตรายทางการเมืองอยู่ตลอดเวลา

แม้ในขณะนี้ รัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย อาจจะเชื่อมั่นว่า โอกาสที่จะมีการทำปฏิวัติรัฐประหารโดยกองทัพนั้นมีน้อยเต็มที เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ย้ำแล้วย้ำอีกว่าไม่มี ไม่คิดทำ

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะไม่มีคลื่นใต้น้ำ จะไม่มีนายทหารที่ไม่พอใจรัฐบาลเสียเมื่อไหร่

ดังนั้นรัฐบาลอย่าคิดแค่ว่า ทุกอย่างอยู่ในมือ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะในความเป็นจริงแล้วที่คิดว่าคอนโทรลได้ อาจจะไม่ใช่ก็ได้

วันนี้ในกองทัพ ในองคาพยพทุกส่วนของรัฐบาล หรือแม้แต่ในพรรคเพื่อไทยเอง อาจจะมีสนิมในเนื้อเหล็ก ที่ไม่พอใจไม่เห็นด้วย และพร้อมที่จะเป็นหนอนบ่อนไส้ได้อยู่ตลอดเวลา

คงไม่ลืมว่า พรรคเพื่อไทย ไม่ได้ชนะแบบขาดลอยทิ้งห่าง

ไม่เห็นฝุ่นเสียเมื่อไหร่ อย่าลืมว่าพรรคเพื่อไทยมีประชาชนสนับสนุน 15-16 ล้านเสียงก็จริง แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็มีประชาชนสนับสนุนถึง 11-12 ล้านเสียงเหมือนกัน

และคน 11-12 ล้านเสียงเหล่านั้น ก็เป็นเสียงที่ไม่ได้ชื่นชอบพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด

แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่า คนในกองทัพ ในกระทรวงกลาโหม ในระบบข้าราชการไทย จะไม่มีคนจำนวน 11-12 เสียงนั้นปะปนอยู่ด้วย

เพราะความเป็นจริงแล้วเชื่อเถอะว่ามีคนที่ไม่ปลื้มเพื่อไทย ไม่เอาแม้ว ปะปนอยู่ในทุกวงการ ฉะนั้นทุกอย่างจึงไม่เป็นความลับ จะเห็นได้ว่า คำพูดต่างๆ การกระทำ เอกสาร หรือแม้แต่การทำหน้าที่ในงานราชการ มีการถูกหยิบมาใช้ทิ่มแทงรัฐบาล ถูกส่งให้กับพรรคฝ่ายค้านอยู่ตลอดเวลา

ซึ่งจริงเท็จผิดถูกไม่รู้ แต่เล่นงานทางการเมืองให้สะบักสะบอมไว้ก่อนเป็นพอ ตราบเท่าที่ระบบการกล่าวหายังคงใช้ได้ผล และตราบเท่าที่รัฐบาลยังคงชี้แจงไม่เป็น ชี้แจงไม่เก่ง

ก็มีแต่เปลืองตัว กับเจ็บตัวไปเรื่อยๆ

ครั้งนี้ก็เช่นกัน คลิปเสียงที่ออกมา ไม่ว่าอย่างไรก็กระทบ ไม่ว่าอย่างไรก็เปลืองตัว ดังนั้นการที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ แสดงท่าทีในการที่จะแสดงสปิริตความรับผิดชอบนั้น ถือเป็นวิสัยของชายชาติทหารอยู่แล้ว

คนอื่นจะเชื่อไม่เชื่อว่าเป็นเสียงบิ๊กอ๊อดหรือไม่นั้น ยังไม่เท่าไร แต่บรรดาบุคคลที่ในคำสนทนามีการพูดพาดพิงไปถึงนี่สิ... หากบังเอิญในคนเหล่านั้นมีคนที่เชื่อว่าเป็นเสียงบิ๊กอ๊อดจริงๆ แล้วจะมองหน้ากันสนิทได้อย่างไร???

แม้แต่กระทั่งคนในคณะรัฐมนตรีด้วยกันก็เถอะ จะมองหน้ากันแบบไหน จะมีความหวาดระแวงแคลงใจระหว่างกันหรือไม่ ตรงนี้แหละที่เป็นปมประเด็นที่สำคัญ

ฉะนั้นดูแล้ว การแสดงสปิริตของ บิ๊กอ๊อด น่าจะเป็นการเดินที่ถูกทางแล้วในการรับมือกับคลิปเสียงพิฆาตครั้งนี้

เพียงแต่ว่า มันสำคัญอยู่ที่รัฐบาลยังมีความจำเป็นหรือยังเห็นสมควรที่จะต้องมี พล.อ.ยุทธศักดิ์ อยู่ใน ครม. อยู่ในกลไกของรัฐบาลอยู่หรือไม่ หากยังจำเป็น จุดนี้ก็จะเป็นเงื่อนไขให้มีการยับยั้งเกิดขึ้น

ซึ่งหากรัฐบาลยับยั้ง ก็จะโทษว่า บิ๊กอ๊อดไม่มีสปิริตไม่ได้

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนชัดเป็นข้อเตือนใจอย่างหนึ่งว่า เขตกองทัพเขตพื้นที่กลาโหม ยังเป็น “คิลลิ่ง โซน”ทางการเมือง ที่ต้องระวังเอาไว้ให้มากๆ

เดี๋ยวจะว่าไม่เตือน

ที่มา.บางกอกทูเดย์
//////////////////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น