--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2553

กรรมการแก้รัฐธรรมนูญเสนอยกเลิกยุบพรรค

ที่มา.Spring News

คณะกรรมการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสนอประเด็นโกงเลือกตั้ง ไม่ต้องยุบพรรค แต่ให้หัวหน้าพรรคถูกตัดสิทธิ์ 15 ปี กรรมการบริหารโดน 10 ปี ส่วนระบบเลือกตั้งหยิบโมเดล เขตเดียว-เบอร์เดียว มาใช้

นายวุฒิสาร ตันไชย เลขานุการคณะกรรมการพิจารณาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มี นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เป็นประธานแถลงหลังการประชุม กล่าวเมื่อวันที่ 3 กันยายน เกี่ยวกับข้อสรุปเบื้องต้นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ประเด็น คือ

เสนอให้แก้ไขมาตรา 190 เรื่องการทำสัญญาระหว่างประเทศที่ต้องผ่านการพิจารณาของรัฐสภา เสนอให้แก้ไขใน 2 ประเด็น คือเพิ่มเติมคำว่า ตามที่กฎหมายบัญญัติ ในท้ายวรรคสาม เพื่อให้มีความชัดเจนว่ากฎหมายอย่างไรที่เข้าข่ายเป็นสัญญาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ หรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ และเพิ่มเติมคำว่า “ประเภทของหนังสือสัญญา” เพื่อให้ทราบว่าประเภทสัญญาใดบ้างที่ต้องเข้ารัฐสภา

เรื่องระบบการเลือกตั้ง ม.93-98 ที่ประชุมเสนอให้แบ่งส.ส. เป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกมาจากการเลือกตั้งลดจาก 400 เหลือ 375 คน เป็นแบบเขตเดียวคนเดียว เพื่อส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันและให้สิทธิของผู้ลงคะแนนในประเทศนี้มีสิทธิเท่ากัน ส่วน ส.ส.สัดส่วนจากเดิมกำหนด 8 กลุ่มจังหวัด 80 คน ให้เปลี่ยนเป็นใช้บัญชีเดียวทั่วประเทศจำนวน 125 คน เพื่อเพิ่ม ส.ส.สัดส่วน เนื่องจากเป็นคนมีชื่อเสียง มีประสบการณ์ ไม่ได้รับความนิยมในพื้นที่ แต่มีความนิยมทั่วประเทศ สำหรับวิธีการคิดคะแนนส.ส.สัดส่วนนั้นจะไม่มีการกำหนดเพดานขั้นต่ำ 5 เปอร์เซ็นต์เหมือนตอนปี 40 เพื่อให้ทุกคะแนนเสียงมีความหมาย

นายวุฒิสาร กล่าวว่า ม.265 ห้าม ส.ส.ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นนอกจากรัฐมนตรี เนื่องจาก ส.ส.ควรทำหน้าที่นิติบัญญัติ ตรวจสอบฝ่ายบริหารตามหลักแบ่งแยกอำนาจ จึงไม่ควรจะแก้ไข ส่วน ม.266 การห้าม ส.ส.และ ส.ว.แทรกแซงการทำงานของฝ่ายบริหาร ให้คงไว้เหมือนเดิม แต่เพิ่มข้อยกเว้นให้ ส.ส.สามารถแจ้งความเดือดร้อนของประชาชนให้หน่วยงานข้างต้นทราบเป็นลักษณ์อักษรได้

สำหรับ ส.ว.นั้นให้คงไว้เหมือนเดิม ทั้งจำนวน 150 คน โครงสร้าง ที่มา อำนาจหน้าที่ โดยมาจากการเลือกตั้งจำนวน 76 คน และเพิ่มขึ้นตามจำนวนจังหวัดใหม่ ส่วนที่เหลือมาจากการสรรหาทั้งหมด 150 คน ส่วนขอสงสัยที่ว่า ส.ว.ที่มาจากการสรรหาจะมีสิทธิถอดถอน ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งได้อย่างไรนั้น ที่ประชุมได้ข้อสรุปว่าการลงมติที่จะถอดถอน ส.ส.นั้น ต้องใช้เสียงถึง 3 ใน 5 ของวุฒิสภา ซึ่งมากกว่าจำนวน ส.ว.สรรหาทั้งหมด ดังนั้น ส.ว.สรรหาจะถอดถอน ส.ส.ไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจาก ส.ว.เลือกตั้ง แต่สิ่งที่จะแก้ไขคือคณะกรรมการสรรหาโดยจะเพิ่มเติมจาก 7 คน ให้มากขึ้น โดยมาจากตุลาการศาล รธน.1 คน ตัวแทนจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 5 คน ตุลาการศาลปกครองสูงสุด 1 คน ตัวแทนจากองค์กรอิสระองค์กรละ 1 คน ได้แก่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน ตัวแทนจากคณะกรรมการองค์กรวิชาชีพตามกฎหมาย องค์กรละ 1 คน ศาสตราจารย์สายวิทยาศาสตร์ 5 คนสายสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ 5 คน ตามทำเนียบของสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา

สำหรับ ม.237 ว่าด้วยการยุบพรรคจากการทุจริตการเลือกตั้งนั้น ที่ประชุมมีมติเห็นพ้องกันว่า จะไม่ใช่บทลงโทษด้วยการยุบพรรค เนื่องจากการเมืองนั้นเป็นสถาบัน จากการศึกษาข้อมูลจากหลายประเทศ พบว่าการยุบพรรคเกิดขึ้นได้ยากมาก นอกจากจะทำผิดร้ายแรง ดังนั้น จึงเห็นว่า หากพรรคการเมืองทำผิดร้ายแรงที่มีผลต่อความมั่นคง หรือมีผลต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขตาม ม.68 ก็สมควรถูกยุบพรรค แต่การทุจริตการเลือกตั้งตาม ม.237 ไม่ควรถูกยุบ แต่ให้ลงโทษผู้กระทำความผิด ถ้าเป็นหัวหน้าพรรคให้ตัดสิทธิการเลือกตั้ง 15 ส่วนถ้าเป็นกรรมการบริหารพรรค 10 ปี ไม่ใช่ว่าทำผิดแล้วกรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิทุกราย

ส่วนที่ว่าหากเพิ่มบทลงโทษหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคต่อไป ก็จะมีแต่นอมินีมาเป็นกรรมการ นายวุฒิสาร กล่าวว่า ยอมรับว่า ป้องกันนอมินียาก ถ้าพรรคใดต้องการเป็นสถาบันทางการเมืองสมาชิกก็ต้องช่วยกันตรวจสอบไม่ให้เกิดการทุจริต แต่ถ้ายอมให้กรรมการเป็นนอมินี เท่ากับว่า พรรคนั้นก็ไม่มีสถานะเป็นสถาบันทางการเมือง

หลังจากมีข้อสรุปแล้วจะใช้เวลาอีก 1 เดือน ในการรับฟังความเห็นจากประชาชนในช่องทางต่างๆ โดยจะมีการทำแบบสอบถาม ส่วนข้อเสนอทั้งหมดซึ่งรวมถึงการปฏิรูปการเมืองและปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมจะเสนอได้ในเดือน ธ.ค.2553 นายวุฒิสาร กล่าวปิดท้าย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น