ไม่มีใครกล้าถามปมจีนเซ็นเอ็มโอยูซื้อข้าวไทยปีละ 1 ล้านตัน รมว.พาณิชย์ก็ไม่ชี้แจง
ที่ประชุมครม.เปิดเผยว่า มีวาระที่นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เสนอขอเพิ่มวงเงินในการดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2555/2556 จำนวน 6,660 ล้านบาท ซึ่งครม.ก็ให้ความเห็นชอบ แต่ทั้งนี้ในวาระดังกล่าวนายนิวัฒน์ธำรงซึ่งเป็นเสนอเข้ามาเองกลับไม่ได้เอ่ยปากพูดแม้แต่ประโยคเดียว เพราะผู้ที่อ่านวาระนี้ก็คือหน้าที่ของนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรีอยู่แล้วตามปกติ แต่ทว่ารมว.เจ้าของเรื่องกลับไม่เป็นผู้เสนอหรือแสดงความเห็นอะไรเลย แต่ก็ทำให้วาระผ่านไปได้โดยง่าย
นอกจากนี้ในที่ประชุมครม. ไม่ได้มีการพูดถึงกรณีที่จีนทำบันทึกความตกลงกับขอซื้อข้าวจากไทยแบบจีทูจีจำนวน 1 ล้านตันต่อปี โดยไม่มีใครสอบถาม รวมทั้งนายนิวัฒน์ธำรงเองก็ไม่ได้อธิบายเรื่องดังกล่าวให้ ครม.ฟังด้วย อย่างไรก็ตามในการประชุมครม.เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมาที่มีพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมครม.แทนนายกรัฐมนตรีที่ติดภารกิจในการไปประชุมเอเปคและอาเซียนซัมมิทนั้น ครม.ได้เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนจำนวน 6 ฉบับด้วยกัน ซึ่งทั้งหมดมีการเสนอเข้ามาเป็นวาระจร คือเพิ่งเสนอเข้ามาก่อนการประชุมในเช้าวันนั้น ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียด จนในที่สุดครม.ก็ให้ความเห็นชอบร่างฯทั้ง6ฉบับ แต่ทั้งนี้นายอำพน กิตติอำพน ได้กล่าวในที่ประชุมครม.ฝากรัฐมนตรีทุกคนว่า ถ้าเป็นวาระที่เป็นหนังสือสัญญากับต่างประเทศไม่อยากจะให้เสนอมาเป็นวาระจร เพราะสำนักเลขาครม.ไม่ได้อ่านล่วงหน้าและไม่ได้กระจายให้ครม.ช่วยกันดูรายละเอียดล่วงหน้าด้วย จึงอยากจะให้เสนอเข้ามาเป็นวาระปกติเพื่อจะได้มีเวลาตรวจสอบ
อย่างไรก็ตามหนึ่งวาระที่มีการลงนามร่วมกับจีนที่ครม.ให้ความเห็นชอบและมีการลงนามกันไปแล้วคือ วาระที่ "ขออนุมัติการจัดทำเอกสารบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยโครงการความร่วมมือของรัฐบาลในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทยที่เชื่อมโยงกับการชำระค่าใช้จ่ายด้วยสินค้าเกษตร
ที่มา.กรุงเทพธุรกิจ
-----------------------------
ที่ประชุมครม.เปิดเผยว่า มีวาระที่นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เสนอขอเพิ่มวงเงินในการดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2555/2556 จำนวน 6,660 ล้านบาท ซึ่งครม.ก็ให้ความเห็นชอบ แต่ทั้งนี้ในวาระดังกล่าวนายนิวัฒน์ธำรงซึ่งเป็นเสนอเข้ามาเองกลับไม่ได้เอ่ยปากพูดแม้แต่ประโยคเดียว เพราะผู้ที่อ่านวาระนี้ก็คือหน้าที่ของนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรีอยู่แล้วตามปกติ แต่ทว่ารมว.เจ้าของเรื่องกลับไม่เป็นผู้เสนอหรือแสดงความเห็นอะไรเลย แต่ก็ทำให้วาระผ่านไปได้โดยง่าย
นอกจากนี้ในที่ประชุมครม. ไม่ได้มีการพูดถึงกรณีที่จีนทำบันทึกความตกลงกับขอซื้อข้าวจากไทยแบบจีทูจีจำนวน 1 ล้านตันต่อปี โดยไม่มีใครสอบถาม รวมทั้งนายนิวัฒน์ธำรงเองก็ไม่ได้อธิบายเรื่องดังกล่าวให้ ครม.ฟังด้วย อย่างไรก็ตามในการประชุมครม.เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมาที่มีพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมครม.แทนนายกรัฐมนตรีที่ติดภารกิจในการไปประชุมเอเปคและอาเซียนซัมมิทนั้น ครม.ได้เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนจำนวน 6 ฉบับด้วยกัน ซึ่งทั้งหมดมีการเสนอเข้ามาเป็นวาระจร คือเพิ่งเสนอเข้ามาก่อนการประชุมในเช้าวันนั้น ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียด จนในที่สุดครม.ก็ให้ความเห็นชอบร่างฯทั้ง6ฉบับ แต่ทั้งนี้นายอำพน กิตติอำพน ได้กล่าวในที่ประชุมครม.ฝากรัฐมนตรีทุกคนว่า ถ้าเป็นวาระที่เป็นหนังสือสัญญากับต่างประเทศไม่อยากจะให้เสนอมาเป็นวาระจร เพราะสำนักเลขาครม.ไม่ได้อ่านล่วงหน้าและไม่ได้กระจายให้ครม.ช่วยกันดูรายละเอียดล่วงหน้าด้วย จึงอยากจะให้เสนอเข้ามาเป็นวาระปกติเพื่อจะได้มีเวลาตรวจสอบ
อย่างไรก็ตามหนึ่งวาระที่มีการลงนามร่วมกับจีนที่ครม.ให้ความเห็นชอบและมีการลงนามกันไปแล้วคือ วาระที่ "ขออนุมัติการจัดทำเอกสารบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยโครงการความร่วมมือของรัฐบาลในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทยที่เชื่อมโยงกับการชำระค่าใช้จ่ายด้วยสินค้าเกษตร
ที่มา.กรุงเทพธุรกิจ
-----------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น