--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2556

จีนเซ็น MOU ไทย ดันการค้าพุ่ง แสนล.ดอลล์ !!?

หลี่ เค่อเฉียง.ลงนามบันทึกข้อตกลงกับไทย6ฉบับ เพิ่มมูลค่าการค้า-การลงทุน 1 แสนล้านดอลลาร์ ภายในปี 2558 เตรียมนำเข้าข้าว-ยางพาราเพิ่ม

การเดินทางเยือนประเทศไทย ของ นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน วานนี้ (11 ต.ค.) ได้หารือเกี่ยวกับการค้าการลงทุนร่วมกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมกันนี้สองฝ่ายได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) 6 ฉบับ ทั้งในส่วนของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทยที่เชื่อมโยงกับการชำระค่าใช้จ่ายด้วยสินค้าเกษตรและความร่วมมือ ภายใต้โครงการความเป็นหุ้นส่วนทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาเซียน-จีน

นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ให้การต้อนรับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 11-13 ต.ค. นี้ เมื่อเดินทางมาถึงรัฐสภา นายกรัฐมนตรีจีน ได้หารือกับประธานรัฐสภา เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ ขณะที่ความสัมพันธ์กับทางรัฐสภาไทยอยู่ในระดับที่ดี

พร้อมกันนี้ยังได้มีการตั้งกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย-จีน ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคี สำหรับความสัมพันธ์ในระดับพหุภาคีรัฐสภาทั้ง 2 ประเทศมีความสัมพันธ์กันในรูปแบบการเป็นภาคีสมาชิกสหภาพรัฐสภา หรือ ไอพียู และการประชุมรัฐสภาภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก หรือ เอพีพีเอฟ ร่วมกัน จีนยังมีสถานะเป็นประเทศคู่เจรจาในการประชุมสมัชชารัฐสภาอาเซียน และยังเคยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมการเป็นหุ้นส่วนของรัฐสภาเอเชียยุโรปด้วย

จากนั้น เวลา 16.15 น. นายกรัฐมนตรีจีน ได้เข้าร่วมประชุมรัฐสภา พร้อมกล่าวสุนทรพจน์ ถือเป็นผู้นำประเทศคนแรก ที่ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในห้องประชุมรัฐสภาของไทย เนื้อหาโดยสรุปว่า 5 เดือนแรกของปีนี้ มีนักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางมาเที่ยวไทยถึง 2.5 ล้านคน และเมื่อหลายปีที่แล้วตนได้เดินทางเยือนไทยรู้สึกประทับใจ ซึ่งไทยมีวัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนา พระราชวัง เจดีย์ มีศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์

นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า ไทยได้พบวิกฤติต่างๆ ทั้งอุทกภัยและเศรษฐกิจ แต่ผ่านพ้นมาด้วยความมุ่งมั่นและพยายาม ขณะที่ไทยและจีนมีภูมิประเทศและวัฒนธรรมใกล้เคียงกัน ทำให้เรามีความใกล้ชิดกันหลายสิบปี มีมูลค่าทางการค้า 70,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 8 เท่า ไทยเป็นประเทศคู่ค้าทางการเกษตรที่สำคัญ โดยเฉพาะยางพารา ในอาเซียนไทยเป็นประเทศแรกที่มีสนธิสัญญาความร่วมมือ เป็นคู่แรก ไทยถือเป็นประเทศที่เปิดสถานกงสุลไทยมากที่สุดในจีน

เพิ่มการค้า-ลงทุนแสนล้านดอลล์ปี2558

นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า ความสัมพันธ์ไทย-จีน ต้องมีความไว้เนื้อเชื่อใจ จริงใจ ไปมาหาสู่กันมากขึ้น พร้อมยกระดับความสัมพันธ์สูงขึ้น ทั้งพันธมิตรและยุทธศาสตร์ ขณะที่มีข้อเสนอให้สืบสานวัฒนธรรมที่ผู้นำระดับสูง 2 ประเทศจะเดินทางเยือน และแผนความร่วมมือสร้างมูลค่าการค้าการลงทุน 100,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 2558

อย่างไรก็ตาม ภายใน 5 ปี จีนจะนำเข้าข้าวไทย 1 ล้านตัน และจะขยายมากขึ้น และจะนำเข้ายางพารามากขึ้น สร้างกลไกทางการจัดการที่สำคัญเพื่อความร่วมมือทางสินค้าเกษตรมากขึ้น พร้อมเสนอให้สร้างธนาคารที่จะสามารถใช้เงินตราระหว่างประเทศชำระหนี้ เพื่อสร้างสิ่งอุปโภคบริโภคได้

นายกรัฐมนตรีจีน ยังหวังว่า นายกรัฐมนตรีไทยจะร่วมหารือตกลงความร่วมมือโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเป็นรูปธรรมกับจีน ที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยีและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน ทั้งนี้ ขอให้สมาชิกรัฐสภาไทยร่วมสนับสนุนกฎหมายที่เกี่ยวข้องระหว่าง 2 ประเทศ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และสานสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ

เล็งเลิกวีซ่านักท่องเที่ยวไทย

นอกจากนี้ จีนยังเสนอให้ยกเลิกวีซ่าสำหรับหนังสือเดินทางธรรมดาของไทย ซึ่งเป็นการตอบสนองความต้องการของรัฐบาลไทย และจะทำให้ประชาชนไปมาหาสู่กันง่ายขึ้น นอกจากนั้นยังมีความร่วมมือน่านน้ำทะเล การรักษาสิ่งแวดล้อม และคาดหวังจะบูรณาการกับไทยได้ทุกด้าน

จีนใช้สันติวิธีในแก้ปัญหาความขัดแย้ง รักษาเสถียรภาพความมั่นคงในภูมิภาคนี้ให้พัฒนายั่งยืนต่อเนื่อง เติบโตมั่นคง โดยผ่านการปฏิรูปกลไกและโครงสร้างต่างๆ เพื่อให้เราสามารถบรรลุเป้าหมาย ให้เศรษฐกิจจีนเจริญเติบโตมั่นคง ซึ่งจะเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยและอาเซียนจะเติบโตไปพร้อมกัน

หนุนนำเข้าข้าวไทยล้านตันใน 5 ปี

นายหลี่ กล่าวว่า จีนยินดีสนับสนุนที่จะให้บริษัทภายในประเทศนำเข้าข้าวจำนวน 1 ล้านตัน จากไทยในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยเว็บไซต์ของรัฐบาลกลางจีน ระบุว่านายหลี่ ได้กล่าวถ้อยคำดังกล่าวในบทความที่มีการตีพิมพ์ในสื่อไทย ก่อนการเดินทางเยือนไทยของเขา

นายหลี่ กล่าวด้วยว่า เศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลก แสดงสัญญาณการขยายตัวที่แข็งแกร่งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง รวมถึงการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งกำไรของภาคธุรกิจและรายได้ของรัฐบาล

จีน เตรียมเปิดเผยรายงานการขยายตัวของเศรษฐกิจไตรมาส 3 ในวันศุกร์ที่ 18 ต.ค. นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 7.8% เทียบจากปีก่อน

"ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เศรษฐกิจของเรามีแนวโน้มแข็งแกร่งขึ้น คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของจีน จะอยู่เหนือระดับ 7.5% ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวระดับกลางถึงระดับสูงนั้น จะทำให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้สำหรับการพัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจในปีนี้"

ทั้งนี้ จีน มีเป้าหมายการขยายตัวที่ 7.5% ต่อปี ซึ่งเป็นเป้าหมายที่จีนแสดงความเชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุได้ แม้อัตราดังกล่าวเป็นการขยายตัวที่ "อ่อนแอที่สุด" ในรอบกว่า 20 ปี หลัง "ชะลอตัว" 9 ใน 10 ไตรมาสที่ผ่านมา เศรษฐกิจของจีนดูเหมือนจะมีเสถียรภาพนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา หลังจากจีนดำเนินมาตรการสกัดกั้นการชะลอตัว

แต่นักวิเคราะห์ เตือนว่า การดีดตัวขึ้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะดำเนินไปเพียงระยะสั้น หากรัฐบาลยังคงดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจตามที่ได้ให้สัญญาไว้

'คอฟโก้'เซ็นซื้อข้าวเอกชนไทยล้านตัน

นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้าข้าวเสื่อมคุณภาพ (ศปขส.) ว่าการเดินทางเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีจีน คาดว่าเอกชนของจีนจะมีการลงนามในสัญญาซื้อขายข้าวกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ราว 1 ล้านตัน เป็นข้าวของเอกชน ไม่ใช่ข้าวที่ซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ในการหารือร่วมกับบริษัท คอฟโก้ (COFFCO Corporation) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของจีนเมื่อต้นสัปดาห์ ได้สอบถามเกี่ยวกับคุณภาพข้าวไทย โดยได้ชี้แจงให้มั่นใจในข้าวไทย เพราะว่ามีการตรวจสอบคุณภาพเป็นประจำ และไม่พบสารปนเปื้อน หรือสารตกค้างในปริมาณที่เกินกำหนด และหากไม่มั่นใจ จีนสามารถส่งบริษัทตรวจสอบคุณภาพมาตรวจสอบข้าวไทยร่วมกับบริษัทตรวจสอบของไทยได้

ด้าน นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ที่ผ่านมา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายข้าวกับบริษัท คอฟโก้ จากจีน เพื่อซื้อข้าวหอมมะลิ ข้าวขาว และข้าวเหนียวจากไทย ปีละ 200,000 ตัน ภายในเวลา 5 ปี รวม 1 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม ผู้ซื้อไม่ได้กังวลคุณภาพข้าวไทย เพราะว่าซื้อขายกันมานานแล้ว และเอกชนไทยก็พยายามรักษาคุณภาพข้าวให้ได้มาตรฐานอยู่เสมอ

ที่มา.กรุงเทพธุรกิจ
---------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น