--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ปรองดอง หรือปกป้องผู้บงการ !!?

โดย : ประชาชน คนรักความเป็นธรรม

ในการสัปยุทธ์กันทางการเมือง ผู้สันทัดกรณีต่างรู้ดีว่า มักมีการสร้างและเร่งสถานการณ์ เพื่อให้ฝ่ายตนได้เปรียบทางการเมืองเสมอ

บางครั้งการสร้างสถานการณ์ก็เลยเถิดไปถึงขั้นทำให้เลือดตกยางออก และเพื่อให้ปิดเกมเร็วขึ้น เขาอาจยอมให้มีการเสียเลือดเสียเนื้อ แม้กระทั่งว่า ชีวิตที่ต้องแลกนั้นจะเป็นมวลชนของฝ่ายตนก็ตาม

ในยุคประชาธิปไตยเบ่งบาน ช่วงปีพศ.2516-2519 นักศึกษาส่วนหนึ่งเกิดความนิยมชมชอบพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.) ด้วยเชื่อว่าเป็นพรรคในอุดมคติที่จะมาช่วยแก้ปัญหาความยากจน และความเหลื่อมล้ำของสังคมได้ จึงตัดสินใจเข้าป่าไปเป็นสมาชิกพคท. แต่เมื่อเข้าไปสัมผัสกับความจริง พวกเขาพบว่า ประชาธิปไตยที่ว่านั้น กลับรวมศูนย์อยู่กับแกนนำไม่กี่คน พวกตนไม่มีสิทธิ์มีเสียงในการที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหาหรือแสดงความเห็นอะไรได้มากนัก จึงตัดสินใจทิ้งพรรค กลับเข้ามอบตัวกับทางการในเวลาต่อมา

ผู้เขียนได้มีโอกาสคุยกับเพื่อนฝูงที่เข้าป่าไปในสมัยนั้น ผมได้ถามเขาว่า มีคนพูดกันว่าพคท.ก็ใช้วิธีเรียกค่าคุ้มครองจากพวกทำเหมืองเถื่อน พวกลักลอบตัดไม้ จริงหรือไม่ เนื่องจากมันฟังดูเหมือนจะขัดแย้งกับภาพของพรรคที่มีความเป็นอุดมคติสูง อดีตสหายผู้นั้นตอบว่า ในการต่อสู้ทำศึกสงคราม ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากเพื่อซื้ออาวุธ เสบียงและยารักษาโรค ดังนั้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย คือปลดแอกประเทศและโค่นล้มทุนนิยม ทางพรรคต้องทำทุกวิถีทางรวมถึงการเรียกค่าคุ้มครองเพื่อหาทุนรอน และเขาเองก็เคยอยู่ในเขตที่มีการทำเหมืองเถื่อน จึงขอยืนยันว่าเป็นความจริง

ยามเข้าตาจน ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดที่ทำให้ชนะ คนเรา(คนเลว)ก็ทำได้ทุกอย่าง

ยุทธวิธีที่ใช้ในการสร้างสถานการณ์ โดยเฉพาะการช่วงชิงความเป็นต่อทางการเมืองในทุกวันนี้มีอะไรบ้าง เริ่มตั้งแต่ การเดินขบวนปิดถนน เผายางรถยนต์ (เพื่อให้ดูเหมือนบ้านเมืองอยู่ในภาวะมิคสัญญี ที่รัฐบาลไร้ความชอบธรรมในการปกครองต่อไป) การแห่ศพ การเผาอาคาร ศูนย์การค้า การยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบิน รวมถึงการซุ่มยิงแล้วโยนความผิดให้ฝ่ายตรงข้าม

การสร้างสถานการณ์บางรูปแบบ สามารถแยกแยะได้ง่ายว่าฝ่ายไหนกระทำ แต่บางเหตุการณ์ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ เพราะเป็นไปได้ทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายต่อต้าน เช่น การเผาศูนย์การค้า การซุ่มยิงคนที่อยู่ในอาคาร หรือแม้แต่เรื่องที่ว่าใครเป็นผู้สั่งการให้ทหารซุ่มยิงคนที่หน้าวัดปทุมวนาราม ทั้งที่กลุ่มคนเสื้อแดงสั่งสลายการชุมนุมแล้ว และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลในสมัยนั้นเลย มันจึงเป็นปริศนาที่อ่านเกมได้ยากยิ่ง ว่าใครเป็นไอ้โม่งที่อยู่เบื้องหลัง

เรื่องนี้ทำให้ผู้เขียนคิดถึง “คำทำนายถิ่นกาขาว” ที่เขียนไว้ตอนหนึ่งว่า

“ประชาชีจะสับสนเรื่องดีชั่ว ถ้วนทุกทั่วจะมุดขุดรูหนี

ไม่แน่ใจสิ่งที่ทำนำความดี เกรงเป็นผีตายตกไปตามกัน

แผ่นดินแยกแตกเป็นสองปกครองยาก เกิดวิบากทุกข์เข็ญระส่ำระสาย

เกิดการปราบจารจลคนล้มตาย เลือดเป็นสายน้ำตานองสองแผ่นดิน”

มันจะแย่จนขนาดทำให้คนแยกไม่ออกเชียวหรือว่าเรื่องไหนดี เรื่องไหนชั่ว เรื่องไหนจริง เรื่องไหนเท็จ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว

รัฐบาลชุดปัจจุบัน ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาพูด หาวิธีทำให้เกิดความปรองดอง แต่เขาก็พูดตรงกันว่า ก่อนที่จะพิจารณาเรื่องนิรโทษกรรมใดๆ ควรต้องมีการพิสูจน์ความจริงให้ปรากฎเสียก่อน ดังนั้น หากทุกฝ่ายยืนยันว่าตนเองบริสุทธิ์จริง ทำไมไม่จัดให้มีกระบวนการพิสูจน์ให้รับรู้รับทราบกันชัดแจ้งไปเลย ว่าใครเป็นผู้ลงมือ ใครเป็นผู้สั่งการ แล้วค่อยมาไกล่เกลี่ย หามูลเหตุจูงใจให้กระทำ และทำความเข้าใจร่วมกัน

การรีบๆ ร้อนๆ เร่งพิจารณากฎหมายนิรโทษกรรม ก็รังแต่จะทำให้คนเข้าใจไปว่า ตนสร้างสถานการณ์ขึ้นเอง ต้องรีบล้างมือให้สะอาดไวๆ ก่อนที่จะมีคนรู้ความจริง จากเดิมที่เคยลั่นวาจาไว้ว่า จะไม่นิรโทษรวมไปถึงผู้สั่งการ พอถึงคราวนี้แม้นจะประกาศ ขอเอาชีวิตเป็นเดิมพันว่าจะไม่มีการคืนเงิน ก็คงไม่มีใครเชื่อถืออีกแล้ว

ต่อไปในอนาคต จะไม่มีใครเคารพกฎหมาย ผู้คนจะถือว่าทำเรื่องผิดถูกไม่สำคัญ มันสำคัญที่ว่าใครคือผู้ชนะ เพราะผู้ชนะคือคนแก้ประวัติศาสตร์ ดังนั้น ทุกคนจะมุ่งเอาแต่ชนะอย่างเดียว โดยไม่สนใจว่า ต้องใช้ความรุนแรงสักเพียงใด

การเป็นผู้นำ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำประเทศ ผู้นำพรรคการเมือง หรือผู้นำฝูงชน ต้องมีความกล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับความจริง อย่าหลบอยู่ในมุมปลอดภัย แล้วสั่งให้มวลชนไปเผชิญหน้ากับหอกดาบกระบอกปืน รอจนกลุ่มควันดินปืนจางหาย แล้วค่อยออกมาชูมือ ประกาศตนว่า ข้าคือวีรบุรษประชาธิปไตย

วันนี้ ถ้าจู่ๆ มีคนแอบมาเผาบ้านท่าน มีคนมาลอบยิงลูกหลานท่าน ท่านไม่อยากรู้เลยหรือ ว่าใครเป็นคนลงมือ ใครเป็นคนสั่งการ ทำไมต้องทำกันรุนแรงขนาดนี้ ท่านจะยอมให้เลิกแล้วต่อกันไปง่ายๆ โดยที่ไม่ถามมูลเหตุเบื้องหลังเลยหรือ

อย่าเขี่ยเบี้ยทิ้ง เพื่อรักษาขุน หาไม่แล้ว ท่านก็จะเป็นได้แค่ จอมหลอกลวงที่หาประโยชน์ไปวันๆ จากความไว้ใจที่มวลชนมอบให้ท่านนั่นเอง

ที่มา.กรุงเทพธุรกิจ
/////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น