โดย จุติพงษ์ พุ่มมูล
จาก นสพ. ความจริงวันนี้
สถานการณ์ในห้วงเวลานี้เป็น ช่วงเวลาที่ล่อแหลมเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในยาม หน้าสิ่วหน้าขวาน อย่างนี้ ใครปล่อยข่าวลืออะไรออกมาก็มักจะได้รับการตอบรับ และมีคนช่วยเป็น “หอกระจายข่าว” กระจายข่าวไปทั่ว เพราะความเข้มข้นในแง่มุมทางการเองมันช่างสอดรับกับคำพยากรณ์ที่ว่า หากอำมาตย์หาทางออกไม่ได้ ก็ต้องกระชับอำนาจด้วยการ “ปฏิวัติ” เพราะคงไม่ยอมให้ไอ้มาร์คยุบสภาแน่ ๆ หากปฏิวัติก็ปฏิวัติได้มาร์คนี่แหละ
คนปฏิวัติก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. ซึ่งเป็นนายทหารคนเดียวที่ พล.อ.เปรม เข้าทักทายแสดงออกถึงความเอ็นดีว่า ไอ้คนนี้ที่กูฝากฝังไว้ในนาม ลูกป๋า คนโปรดคนใหม่ ซึ่งบรรยากาศที่ผมว่านี้เป็นบรรยากาศที่เหล่าบรรดาแม่ทัพนายกอง เข้าแห่แหนอวยพรวันปีใหม่ (แต่คนเก่า) ของ พล.อ.เปรม ที่อุตส่าห์หอบสังขารแต่งเครื่องแบบเต็มยศ รับกระเช้าและช่อดอกไม้ การเข้าทักทาย พล.อ.ประยุทธ์แบบกันเองและถึงลูกถึงคนเช่นนี้ทำให้นายทหารคนอื่น ๆ ต้องให้ความยำเกรง พล.อ.ประยทุธ์ ขึ้นมาเป็นกระบุงโกย ถ้าเป็นราคาหุ้นที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ก็น่าพุ่งติดเพดานแน่นอน
หากมีการปฏิวัติจริง พล.อ.ประยุทธ์ คนนี้แหละที่เป็นคนดำเนินการ และหากมีการปฏิวัติจริง คนที่เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปก็คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. นี่แหละครับพี่น้องเอ๊ย
สถานการณ์การเมืองในช่วงนี้อย่างที่ผมว่าไว้ว่า ล่อแหลม สุ่มเสี่ยง สามารถพลิกได้ตลอดเวลา เรียกว่าต้องจับตากันเป็นนาทีต่อนาที
ฉะนั้นปฏิบัติการ สับขาหลอก จึงเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ อย่างล่าสุด กรณีล่าสุดที่ “บิ๊กเต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หลอกยิงเกาทัณฑ์ออกมาหนึ่งดอกว่า
“หากคดีพันธมารยึดสนามบินไม่คืบหน้าหลังยืดเยื้อกว่า ๑ ปี อาจจะทวงหาคำตอบที่สุวรรณภูมิด้วยความสงบนะครับพี่น้อง”
พลันพูดจบ ก็มีสื่อส่งข่าวเล่าความไปยังสาธารณะ ปรากฎว่าหุ้นวันนั้นร่วงลงมากว่า ๑๐ จุด มีการเตรียมกำลังทหารตำรวจคึกคัก
บิ๊กเต้น กำลังจะบอกว่า คนเสื้อแดงวันนี้ไม่ธรรมดรา ทหารคุณอย่าคิดอะไรที่ประชาชนไม่ยอมรับ และนี่เป็นการเช็คกระแสที่แยบยล ดูลู่ทางลมว่าจะพัดไปทางไหน จะพัดไปหรือพัดหวน
ส่วนปฏิบัติการ สับขาหลอก ต่อมาเป็นเรื่องของตำรวจ เพราะเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีการเรียกระดมกำลังตำรวจในภาคกลางขึ้นรถบัส เพื่อไปรักษาสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะมีนายตำรวจไม่รู้ระดับไหน ที่มันปัญญาอ่อน บอกว่าคนเสื้อแดงจะบุกสนามบินสุวรรณภูมิในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่แท้ที่จริงเป็นเรื่องของการที่คนเสื้อแดง เขาลงจากเขาสอยดาวทยอยกลับบ้าน แต่ไม่รู้ว่าไอ้หน้าแมวที่ไหน ดันเสือกไปปล่อยข่าว ทำเอานักท่องเที่ยวที่ลงเครื่องบินเข้ามาเที่ยวเมืองไทย ต่างตระหนกตกใจ หรืออาจจะอุทานว่า
“เฮ้ยู ... ไทยแลนด์ยังมีไดโนเสาร์ที่ยังมีชีวิตอยู่อีกเหรอ”
งานนี้ใคร ๆ ก็ว่า ไม่ใช่แค่ปฏิบัติการสับขาหลอก เพื่อเรียกงบประมาณกินเบี้ยเลี้ยงตำรวจเท่านั้น แต่เป็นการตอกหมุดย้ำภาพของคนเสื้อแดง จากฝ่ายวางแผนที่ต้องการให้คนเสื้อแดงกำลังเดินรอยตามพันธมิตร ที่พยายามจัดกลุ่มว่า “ม็อบก็เหมือนกันหมด” แต่สุดท้าย ก็ไม่มีอะไรในกอไผ่
ส่วนปฏิบัติการสับขาหลอกล่าสุด เมื่อคืนวันจันทร์ที่ ๒๕ มกราคม ที่ผ่านมา ที่ทหารเอารถยานเกราะรุ่น V150 ออกมาวิ่งบนถนนวิภาวดีประมาณ ๒๒ คัน ในเวลาโพล้เพล้ จนกลายเป็นกระแสข่าววิพากษ์วิจารณ์กันทั้งบ้านเมืองว่า ทหารจะปฏิวัติ
ซึ่งกระแสข่าวการปฏิวัติมีมาตั้งแต่ตอนบ่าย ๆ ของวันจันทร์ เพราะสอดรับการสถานการณ์ในช่วงปีใหม่ที่มีการเอารถถังเข้ามากรุงเทพฯ แช่ไว้ในกรมกองนานแล้ว โดยหากมีการปฏิวัติจริงก็สามารถแสตนด์บายเข็นรถถังออกมาทำการปฏิวัติได้ทันที
การเอารถยานเกราะล้อยางรุ่นที่ว่านี้ ออกมาเดินพาเหรดนั้น ทำให้มีคนโทรศัพท์ส่งข่าวออกไปว่าเป็นรถถังเตรียมการปฏิวัติ ซึ่งการชี้แจงของกองทัพบกก็พึ่งมาชี้แจงก็เอาตอนประมาณสัก ๔ ทุ่ม แต่ก็ช้ากว่าข่าวลือมาก เพราะมีรถยานเกราะจำนวนหนึ่งจอดอยู่บริเวณวัดเสมียนนารี เขตจตุจักร ใกล้กับ นสพ.มติชน – ข่าวสด และมีรถยานเกราะอีกจำนวนหนี่งจอดอยู่แถว ๆ อนุสรณ์สถาน ย่านดอนเมือง
จะอ้างว่ารถที่มานั้นมาในโอกาสวันกองทัพไทยเพื่อร่วมกิจกรรม การสวนสนามในวันกองทัพไทยก็มีไปแล้วเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคมที่ผ่านมาก็คงอ้างไม่ขึ้น เหตุผลจึงออกมาว่ารถเหล่านี้เป็นรถที่ขึ้นกับ ๓ จังหวัดชายแดนใต้ขึ้นมาเพื่อซ่อมและจะเอาขึ้นเครื่องไปประเทศซูดานเพื่อเข้าไปช่วยเฮติ คำชี้แจงผ่านตัววิ่งบนหน้าจอทีวีมันน้อยไป เพราะเจตนาของผู้ดำเนินการเรื่องนี้ มีเจตนาต้องการสับขาหลอก
ดูปฏิกิริยาคนเสื้อแดงว่า จะมีท่าทีอย่างไร ... แล้วเป็นไงล่ะ รถยานเกราะคันเดียวถูกคนเสื้อแดงล้อมไว้ตั้ง ๓๐ คัน ผมถามกลับว่า
“ทหารพร้อมจะปฏิวัติหรือยัง ... ”
แต่ “คนเสื้อแดงพร้อมแล้ว ...”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น