--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

3 ปาก ‘อวตาร’ “องครักษ์พิทักษ์เธอ”

นายเทพไท เสนพงศ์ เป็นโฆษกส่วนตัวของ “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”
นั่นย่อมหมายความว่า...สิ่งที่นายเทพไท ให้สัมภาษณ์นักข่าว...ไม่ใช่ความเห็นส่วนตัวของนายเทพไทเอง
แต่เป็นความเห็นของ “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี ที่มอบหมายให้มาพูดแทน

ดังนั้น หากสิ่งที่ นายเทพไท พูดไม่เป็นความจริง หรือพูดโกหกนั่นย่อมหมายความว่า...นายอภิสิทธิ์ ก็ต้องรับผิดชอบในการโกหกนั้นด้วย
จะทำเป็นทองไม่รู้ร้อน...ไม่รู้ไม่เห็นกับสิ่งที่นายเทพไทพูดนั้น เห็นจะไม่ได้

สิ่งที่ นายเทพไท พูดกับนักข่าวตลอดระยะเวลากว่าหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ดูเหมือนว่า...เกือบจะไม่มีความเป็นจริงเลยสักเรื่อง
มีแต่เรื่องโกหกพกลมไปวันๆ และจงใจใส่ร้ายป้ายสีอีกฝ่าย เพื่อนำไปสู่การเผชิญหน้าด้วยความรุนแรงโดยตลอด

นี่ย่อมแสดงว่า...ฟากฝั่งรัฐบาลต้องการให้สังคมปะทะกันอย่างนองเลือดใช่หรือไม่?

ดังที่ปรากฏจากการให้สัมภาษณ์นักข่าวของ นายเทพไท ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแผนตากสินหนึ่ง แผนตากสินสอง หรือสารพัดแผน
ที่เขาพูดออกมาเมื่อเร็วๆ นี้...ก็พูดโกหกคำโตว่า
“อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรจ้างคนเสื้อแดง ด้วยจำนวนเงินสามล้านบาท เพื่อมาปาอึใส่บ้านของนายกรัฐมนตรี”

ซึ่งในตอนหลังทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้จับตัวผู้กระทำการดังกล่าวได้ และได้มีการดำเนินคดีไปตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว
ผลปรากฏว่า...คนปาอึดังกล่าวไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดงหรือ “ทักษิณ ชินวัตร” แม้แต่น้อย แต่ไม่พอใจที่ตนไปร้องเรียน
หน่วยงานใดๆ ก็ไม่มีใครสนใจที่จะช่วยแก้ปัญหา ในเรื่องที่บ้านตนเองตกอยู่ภายใต้กลุ่มควันบุหรี่ของพวกขี้ยาสูบบุหรี่ทั้งหลายเท่านั้นเอง
แต่สุดท้าย...ยังไม่มีใครออกมารับผิดชอบ!

ด้าน “นายปณิธาน วัฒนายากร”ทำหน้าที่โฆษกรัฐบาล ซึ่งตำแหน่งก็บ่งบอกแล้วว่า...แถลงแทนรัฐบาลหมายความว่า...
สิ่งที่แถลงนั้นรัฐบาลมอบหมายมา...เป็นท่าทีและข้อเท็จจริงที่รัฐบาลรับรอง ไม่ใช่ความคิดเห็นส่วนตัว

นายปณิธาน แถลงเป็นตุเป็นตะว่ามี “ท่อนํ้าเลี้ยง” หรือเงินไหลเข้ามาหล่อเลี้ยงการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงเป็นจำนวน
หลายร้อยล้านบาท ซึ่งมีการให้รายละเอียดถึงขั้นว่า...มาจากตะวันออกกลาง แล้วบอกเส้นทางไหลของเงินด้วยว่าผ่านมาทางชายแดน
กัมพูชามาทางสนามบินสุวรรณภูมิ และถือติดตัวเข้ามา

อนิจจา นายปณิธาน น่าจะถาม “นายกรณ์ จาติกวณิช” รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ที่นั่งข้างตัวหน่อยว่า...มีหลักฐานตัวเลขของเงิน
ที่ไหลเข้ามาหรือไม่ ถามกรรมสรรพากร กรมศุลากากร ถามธนาคารแห่งประเทศไทยหน่อยว่า...มีเงินไหลเข้ามาจริงหรือไม่

เข้าใจว่า...นายปณิธานคงไม่ได้แม้แต่คิดจะเอ่ยปากถามต่อมาหน่วยงานทางการเงิน

ทุกหน่วยงานของรัฐไทย ออกมาแถลงข่าวตรงกันว่า...ไม่มีการเคลื่อนไหวทางการเงินที่ผิดปกติเกิดขึ้นในช่วงนี้
สุดท้าย “นายปณิธาน” ก็ยังไม่ออกมารับผิดชอบต่อคำพูด หากโฆษกรัฐบาลเกิดสติวิปลาสชั่วคราว ไปแถลงข่าวประกาศสงคราม
กับกัมพูชาโดยไม่เป็นความจริง

นายแพทย์บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์เช่นเดียวกัน...ชื่อก็บอกแล้วว่า เป็น โฆษกของพรรคประชาธิปัตย์
ดังนั้น...สิ่งที่แถลงก็ต้องหมายความว่า...พรรคประชาธิปัตย์แถลง เป็นข้อสรุปเป็นแนวทางนโยบายข้อเท็จจริงความเห็นทางการเมือง
ของพรรคประชาธิปัตย์

นายบุรณัชย์ ได้แถลงว่า กลุ่มมวลชนฝ่ายตรงข้ามใช้แนวทาง “ป่าล้างเมือง” หมายความว่าอะไรครับ?
จะให้กระเดียดไปเหมือนกับสมัยของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ใช่หรือไม่ ที่พยายามให้ฟังคล้ายๆ กับ “ป่าล้อมเมือง”
ของ พคท.

อันที่จริง พคท. ใช้คำว่า “ชนบทล้อมเมือง” ไม่ใช่ “ป่าล้อมเมือง” แต่นี่จงใจใช้คำว่า “ป่าล้างเมือง”

ขอบอกให้นายบุรณัชย์ ทราบนะครับว่า...ขณะนี้ป่าเหลือน้อยเต็มทีแล้ว (อาจจะไม่ถึง12% ของทั่วประเทศ)
ดังนั้น สิ่งที่เรียกว่า “ป่าล้อมเมือง” มันอันตราธานหายไปจากสังคมไทยแล้วครับ อย่าพยายามเล่นคำเพื่อใส่ร้ายป้ายสีว่า “คนอื่น”
เป็นคอมมิวนิสต์อีกต่อไปเลยครับ ไม่สำเร็จครับ

สาธยาย “สรรพคุณ” โฆษกแห่งพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่บรรทัดแรกมาจนถึงบรรทัดนี้...มีเรื่องใดบ้างที่ประชาชนเห็นว่าเป็นความจริง?
เห็นโฆษกทั้งสามทำให้นึกถึงหนังดังเรื่อง “อวตาร” ไม่รู้ว่าพวกท่านไปติดร่าง “อวตาร” โดยมี “ปาก” เป็นอาวุธสำคัญ
เพื่อการ “ทำลายล้าง” มาจากที่ใด

จากเพื่อนฝูงคนสนิทก็ไม่ใช่...จากการศึกษาในช่วงวัยเรียนก็ไม่ใช่...หรือว่ามาเป็นเอาช่วงทำงาน...โดยเฉพาะการตอบรับเป็นโฆษก
ให้กับ “พรรคประชาธิปัตย์” พูด...พูด...พูด...แต่หาสาระและความจริงอะไรไม่ได้

หน้าที่ของพวกท่าน คือ “กระบอกเสียงรัฐบาล” ซึ่งต้องพูดให้ความเป็นจริงกับประชาชน...มิใช่มีปากไว้พูดบู๊ล้างผลาญ...
เพื่อฆ่าล้างทำลายโดยเฉพาะบทบาทและหน้าที่สำคัญ คือ ทำตัวเป็น “องครักษ์พิทักษ์เธอ” ปกป้อง “นายกรัฐมนตรี” ของข้าเพียงผู้เดียว!

ท่านผู้อ่านครับ...พรรคการเมืองนี้ไม่เพียงแต่มีพฤติกรรมกล่าวเท็จในช่วงระยะเวลาใกล้นี้เท่านั้น
แต่ในอดีตมีเรื่องกล่าวเท็จฉกาจฉกรรจ์หลายเรื่องที่พรรคนี้ทำราวกับว่าเรื่องต่างๆ ล่องลอยหายไปกับสายลม

ฉะนั้นเร็วๆ นี้ คงมีคำถามต่อประชาชนไทยทุกคนว่า...เมื่อไรคนไทยจะลงโทษกับผู้มีอำนาจที่ชอบพูดจา “โกหกพกลม”
และเป็นสาเหตุที่ทำให้ประเทศชาติเมืองนี้ต้องวุ่นวายว่าแต่ว่า...ธุรกิจส่วนตัวของ “โฆษก” ทั้ง 3 สามเป็นอย่างไรบ้าง...
เห็นว่าทำมาค้าขึ้น...เงินทองไหลมาเทมาก็ธุรกิจ “โรงนํ้าแข็ง” ที่พวกท่านชอบ “ปั้นนํ้าเป็นตัว” นักหนานั่นไง!


ที่มา:บางกอกทูเดย์
****************************************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น