
คืนสุดท้ายก่อนศาลตัดสิน "แม้ว"อ้าง7.6หมื่นล้านบริสุทธิ์หวังศาลเมตตา ซัดรบ.ไม่แมนชี้นำศาล-ปิดประตูตีแมว บอกไม่ว่ายึด-ไม่ยึดยังเดินหน้าหาประชาธิปไตย วอน"เสื้อแดง"นั่งฟังอยู่บ้าน
เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการทอล์ค อะราวด์ เดอะเวิลด์ ซึ่งออกอากาศผ่านเว็บไซต์ทักษิณไลฟ์ (www.thaksinlive.com) ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม "พีเพิล ชาแนล" ว่า "ในวันพรุ่งนี้ ( 26 กุมภาพันธ์ ศาลฎีกานัดพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท) เป็นวันสำคัญในชีวิตของผมและประวัติศาสตร์การเมืองไทย แต่ผมยังออกรายการปกติอยู่"
"ในวันพรุ่งนี้ก็ไม่รู้ว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะตัดสินคดียึดทรัพย์และทางอัยการ โดยการบังคับของคตส. (คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ) ที่ขอศาลให้เปลี่ยนอายัดเป็นยึด เราได้ร้องค้านไปไม่รู้จะออกไง แต่ดูเหมือนรัฐบาลจะรู้หรือแทรกแซงศาลก็ไม่รู้เพราะนายสาทิตย์ (วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี) ได้ออกมาเปิดเผยว่า หลังศาลมีคำพิพากษารัฐบาลได้เตรียมการประสานช่อง 11 วิทยุชุมนุม กอ.รมน. 4,000 คลื่น เพื่อที่จะถ่ายทอดสดและหลังจากนั้นก็จะเชิญนักการด้านกฎหมาย คตส.มารุมสกรัมผม สรุปแล้วปิดประตูตีแมวหรือไม่" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
"ผมฝากความหวังไว้ที่กระบวนการยุติธรรมว่า ชัดเจนเหลือเกินว่าเงินทองที่ครอบครัวมีมาก่อนเล่นการเมืองหวังว่าศาลจะให้ความเมตตาเรื่องนี้ ผมไม่รู้พรุ่งนี้ผลออกมาไง ผมอาจโดนอะไรไม่รู้ แต่เราต้องเคารพศาลอย่าเพิ่งไปวิจารณ์ แต่รัฐบาลวิจารณ์นำหน้าไปแล้วรู้ว่าจะโดนยึด บอกว่าเหมาะสมที่จะต้องยึด ทั้งที่รัฐบาลรู้ว่าทรัพย์สินเหล่านี้มีมาก่อนเป็นนักการเมือง อยากจะบอกว่าผมเป็นคนโดนกลั่นแกล้งแท้ๆ ยังเก็บอาการอยู่ แต่คนแกล้งเขาเก็บอาการไม่อยู่ ต้องถามว่าเป็นผู้ชายหรือไม่"
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า พี่น้องเสื้อแดงไม่ต้องไปศาลให้นั่งฟังอยู่บ้านอย่างสันติ เพราะตนและครอบครัวไม่ได้ไป รัฐบาลมีเครือข่ายให้ฟังเยอะ ไม่ว่าเกิดอะไร การเรียกร้องต้องมีต่อ เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยด้วยสันติ และใช้กระบวนการด้านรัฐสภา และสิทธิเสรีภาพของประชาชนอันจะเรียกร้องตามประชาธิปไตย เรื่องนี้จะต้องดำเนินการด้วยสันติวิธี
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรวันพรุ่งนี้ ก็ขอให้รู้ว่ายังเป็นคนเดิมที่จะเรียกร้องประชาธิปไตย และความเป็นธรรมของสังคมไทยต่อไปเพื่อความผาสุกของพี่น้องทั้งประเทศ และแน่นอนว่าด้วยความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
ที่มา: มติชนออนไลน์
***************************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น