--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เหยียบเบรก เช็คเครื่อง


ข่าวคาว..ไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี สั่งหยุดการเดินหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง โดยเฉพาะถนนปอดสะอาดเพราะไร้ฝุ่นมูลค่าหลายพันล้านบาทของพรรคภูมิใจไทยข่าวคาว..เกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณจนอิ่มแปล้กันทั่วหน้า ข้อขัดแย้งการร่างรัฐธรรมนูญ 2 มาตรการเลยยุติลงดั่งใจพรรคประชาธิปัตย์ที่งัดง้างอยู่ฝ่ายเดียวแต่ไม่หัวลีบกระเทียมดองเพราะกุมอำนาจใหญ่สุด คือนายกรัฐมนตรีเลยสามารถยื้อเวลา...จนเลยผ่านช่วงวิกฤติ...โครงการไทยเข้ม

แข็ง...ต้องใช้งบประมาณหลายแสนล้านบาทเวลานี้กระจายงบไปเกือบหมด เข้า สู่วาระจะดำเนิน การ...ข่าวคาวจะเบรกโครงการ รื้อโครงสร้างใหม่? เลยเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องออกโรงปกป้อง โต้เถียงกันขนานใหญ่..เพราะเงินก้อนใหญ่มักมีพี่เลี้ยงคอยตอด คอยเล็มเข้าพกเข้าห่อเสมอโดยเฉพาะระบบจัดซื้อจัดจ้างโดยนักการเมืองไทยบางคน...ที่ถนัดคิดเลขมากกว่าวางหมากการบริหารบ้านเมือง...ค่าหัว ค่าคิว 10-20-30 หรือมากกว่า สามารถปั้นตัวเลขได้เจ๋งสุดยอด

ไตรรงค์ มีนโยบาย งัด รื้อ โครงการไทยเข้มแข็ง...เลยมีปากเสียง เถียงกันเอ็นขึ้นคอ!!เมื่องัดกันไม่ลง...ผู้เขียนในฐานะประชาชน คนไทยขอแทรกหรือเสือก...กระทุ้งให้รัฐบาลกระเทือนกันสักหน่อย...ยังจำเรื่องของกระทรวงสาธารณสุข สมัยวิทยาได้ไหม?? ถ้าจำไม่ได้...เราขันอาสากระทุ้งรัฐบาลกันอีกสักรอบกระทรวงสาธารณสุขยุค นายวิทยา แก้วภราดัยรัฐมนตรีว่าการกระทรวง มีการดำเนินแผนพัฒนาระบบสาธารณสุขทั่วประเทศ เน้นไปที่การยกระดับสถานี

อนามัยตำบลให้กลายเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขตำบลหรือ ร.พ.สต.การปรับปรุงโรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาลศูนย์และการจัดซื้อคุรุภัณฑ์ทางการแพทย์ มีระยะเวลาการดำเนินงาน 3 ปี คือ 2553 – 2555 ใช้เม็ดเงินงบประมาณ86,684 ล้านบาทระหว่างเตรียมการชมรมแพทย์ชนบทได้นำข้อมูลทุจริตออกมาเปิดเผย ข้อมูลดังกล่าวมีทั้ง กรณีที่มีผู้วิ่งเต้นเพื่อฮั้วประมูลก่อสร้างและปรับปรุงโรงพยาบาล ราคาก่อสร้างแพงกว่าความเป็นจริง การล็อกสเปกครุภัณฑ์ทาง

การแพทย์ และหลายรายการราคาแพงเกินความเป็นจริงข้อมูลดังกล่าวเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนอย่างยิ่ง ทำให้ในที่สุดนายวิทยา ต้องตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบผลสอบเบื้องต้นได้ข้อสรุปว่า “ครุภัณฑ์หลายรายการมีความผิดปกติจริง” จนนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบชุดที่มี น.พ.บรรลุ ศิริพานิช เป็นประธานในเดือนตุลาคม คณะกรรมการสอบสวนฯ ชุดนี้เข้าตรวจสอบมาจนได้ผลสรุปและนำผลสอบมอบให้นายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ซึ่งมีความ

ชัดเจนมากว่า “การจัดตั้งงบประมาณดังกล่าว มีพฤติกรรมและพยานหลักฐานที่น่าเชื่อถือได้ว่า ส่อไปในทางที่จะทำให้เกิดการทุจริตจริง”และมีรายชื่อนักการเมืองและข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขพัวพันในกรณีนี้ด้วยถึง 12 คน 2 ในนั้นคือนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขซึ่งลาออกทันทีหลังคณะกรรมการฯ แถลงผลสอบ และ นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขเรื่องกระทรวงสาธารณสุขมีมูลบ่งชี้..มีสิ่งผิดปกติที่จับ

ต้องได้...แต่ทำไมเงียบกริบเป็นเป่าสาก..ยังไม่นับรวมอีกหลายข่าวคาวที่สังคมเริ่มได้กลิ่น...แต่ยังจับต้องไม่ได้อย่างไรเสีย การเหยียบเบรกโครงการหลายหมื่นล้านภายใต้นโยบายไทยเข้มแข็งเพื่อ เช็คสเปกก่อนเดินเครื่องสักครั้ง...ถือเป็นเรื่องโคตรเลิศเลยทีเดียวดีกว่าปล่อยให้เดินเครื่องไปแบบงูๆ ปลาๆ สุดท้ายคว้านํ้ามันดำๆเลอะมือแถมใช้งานไม่ได้อีกต่างหาก 

ที่มา:บางกอกทูเดย์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น