“สายตรงทักษิณ” ออกโรง “หญิงหน่อย” ชี้คดียึดทรัพย์ หากตัดสินโดยยึดหลักกฎหมายและนิติธรรม
เชื่อทุกฝ่ายยอมรับได้ เตือนเสื้อแดงอย่าหลงกลเป็นเหยื่อใช้ความรุนแรง
ด้าน “ภูมิธรรม” เปิดตัว “สถาบันสร้างสานอนาคตไทย” รวม “111 ทรท.” รอหวนคืนการเมือง
พร้อมอาสาป้องกันชาติ ขอเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ประเทศ
วันที่ 12 ก.พ. 2553 ที่ห้องอาหารจีน โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัล ลาดพร้าว คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ถึงคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
และครอบครัวว่า
ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ซึ่งมีความรู้สึกร่วมกับคนไทยส่วนใหญ่ รู้สึกกลุ้มใจและหนักใจกับสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้ และต้องยอมรับ
ความจริงว่า การตัดสินคดียึดทรัพย์เป็นปัจจัยทางการเมืองที่สำคัญ ตนอยากให้มองส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ตัดสินด้วยหลักความยุติธรรม
อย่างแท้จริงและสามารถอธิบายกับสาธารณะได้ ไม่ว่าท้ายที่สุดคำตัดสินจะยึดหรือไม่ยึดทรัพย์ ก็ต้องอธิบายต่อสาธารณะได้
ตามหลักกฎหมายและหลักนิติธรรม แม้จะเป็นที่แน่นอนว่าคำตัดสินย่อมมีทั้งฝ่ายที่ชอบและไม่ชอบ แต่ถ้าตัดสินด้วยหลักกฎหมาย
หลักนิติธรรมย่อมเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความวิตกว่าจะนำไปสู่สถานการณ์ที่รุนแรงหรือไม่
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า หากทุกฝ่ายใช้สติ เอาประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ก็จะผ่านวิกฤตนี้ไปได้ กลุ่มคนเสื้อแดงก็ต้องพยายาม
อย่าหลงกลเป็นเหยื่อใช้ความรุนแรง ส่วนรัฐบาลต้องไม่ใช้กำลัง เพราะจะทำให้เกิดการบานปลาย
โดยเฉพาะข่าวปฏิวัติ จะยิ่งทำให้ประเทศถอยหลังอยู่ในหลุมดำอีกยาวนาน และนายกรัฐมนตรีต้องเป็นนายกฯของประเทศไทย
แต่ตามที่ตนได้เฝ้าดูก็รู้สึกหนักใจเหมือนกัน เพราะบางทีรัฐบาลก็ไม่เป็นกลางเสียเอง ด้วยการออกมาประโคมข่าวให้ร้ายอีกฝ่าย
มากเกินไป
รัฐบาลต้องมีวุฒิภาวะพอ โดยทำให้บ้านเมืองเกิดความสมานฉันท์ ตามที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา
ทั้งนี้เห็นว่าหากเกิดการบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม เป็นธรรมก็จะเกิดความสงบได้ ท่ามกลางวิกฤติหน้าสิ่วหน้าขวาน
ใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า
ส่วนกรณีที่มีรายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ ระบุถึงอักษรย่อซึ่งเป็นเส้นทางเงินสนับสนุนเสื้อแดงนั้น ก็น่าจะบอกให้ชัด
เพราะเราก็อยากรู้เหมือนกัน แต่ไม่ใช่ตนเองแน่นอน
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย กล่าว เปิดตัวสถาบันสร้างสานอนาคตไทย
โดยระบุถึงที่มาและวัตถุประสงค์ว่า
เป็นการรวมตัวของนักการเมืองจากที่เป็น 111 ไทยรักไทยและ 109 ที่ถูกตัดสิทธิการเมือง รวมกับกลุ่มวิชาชีพต่างๆ เช่น
นักวิชาการ นักธุรกิจ ที่มีประสบการณ์และศักยภาพ เพื่อระดมความคิดช่วยหาทางออกให้ประเทศ
เนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้น่าเป็นห่วงและปัญหามีความซับซ้อน จึงคิดว่าพวกตนน่าจะทำประโยชน์ให้ประเทศได้บ้าง
โดยจะออกมานำเสนอบทวิเคราะห์สถานการณ์ต่อสังคมเป็นระยะ อาจจะเป็น 1 ปีต่อ 1 ครั้ง หรืออย่างมากก็ 2-3 เดือนต่อ 1 ครั้ง
ซึ่งจะแถลงเปิดตัวเป็นทางการในเร็วๆ นี้
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้ทุกคนน่าจะรับรู้ได้ว่า ปัญหาที่คาอกอยู่ คือปัญหาคอร์รัปชั่นจำนวนมาก ดังนั้นพวกตนขออาสา
สมัครป้องกันชาติ และเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ประเทศไทย ทำให้คอร์รัปชั่นน้อยลง ด้วยการเป็นสื่อกลางนำข้อมูลที่ได้รับจากประชาชน
และจากข้าราชการกระทรวง ต่างๆ ที่แต่ละคนเคยทำงาน มานำเสนอต่อสื่อมวลชนและสาธารณะรับทราบ
นอกจากนี้ จะมีการศึกษานโยบายเพื่อเป็นทางออกของประเทศ ซึ่ง 2 ปีข้างหน้าที่พวกตนจะพ้นจากการถูกตัดสิทธิ
ก็น่าจะขบคิดทำอะไรให้ประโยชน์ให้ประเทศชาติได้บ้าง จากนั้นเมื่อพ้นจากการจองจำ ก็น่าจะกลับมาแสดงบทบาทต่างๆได้
ส่วนรัฐบาลวันนี้รัฐบาลยังบริหารด้วยคำพูดมากกว่าการกระทำ นายกรัฐมนตรียังบริหารด้วยปาฐกถา และถ้าอยากให้เกิดความสามัคคี
ในชาติ บรรดาโฆษกส่วนตัวนายกฯและรัฐบาลต้องพูด ให้น้อยลง แต่ระมัดระวังและทำงานให้มากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า สถาบันดังกล่าวจะกลายเป็นกลุ่มทางการเมืองในอนาคตหรือไม่
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็อยู่ที่ความประสงค์ของประชาชน
ที่มา.konthaiuk
*****************************************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น