
ส่งสัญญาณ “ยุบสภา” จี้รบ.ควรเร่งแก้รธน.
เพราะไม่เป็นธรรมกับนักการเมือง ชี้บ้านเมืองวิกฤติหาทางออกไม่ได้
เผย “ปชป.” ไม่ใช่ของจริง ด้าน “สมเกียรติ” ชี้ รธน.ปี 50 มีธงจัดการนักการเมือง
อดีตส.ส.ร.2 ฉบับ ยันหากแก้รธน.ต้องนำ 2 ฉบับรวมกันน่าจะดีกว่าเอา 40 ยกมาใช้
วันที่ 19 ก.พ. 2553 ที่โรงแรมรามาการ์เด้นท์ ข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้จัดการประชุม
ผู้บริหารพรรคการเมือง โดยช่วงบ่ายเป็นการสัมมนาในหัวข้อ “ข้อคิดเห็นต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ”
โดยมีผู้ร่วมอภิปราย ประกอบด้วย
นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ส.ส.ร.
นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา
นายถวิล ไพรสณฑ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ และ
นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ พรรคเพื่อไทย
โดยนายชุมพล ได้กล่าวว่า เรื่องเขตเลือกตั้งแบบเขตเดียว-เบอร์เดียวนั้น ตนปั้นกับมือมานานแล้ว จนตกผลึกทั้งทางวิชาการ
และทางปฏิบัติรัฐธรรมนูญ ปี 2550 เป็นฝีมือคณะปฏิวัติ เอาคู่กรณีมาเป็นกรรมาธิการยกร่าง ร่างขึ้นมาเพื่อเข่นฆ่าพรรคเดียว
มีการสอดแทรกบทบัญญัติ เพื่อเอาประโยชน์ให้คนยกร่าง แต่งตั้งบุคคลเข้าไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ และมุ่งเน้นกับ
การจัดการกับคนเดียว พรรคเดียว จนโดนลูกหลงกันทั้งเข่ง องค์กรอิสระภาพพจน์ออกมาขาดคุณธรรมจริยธรรม
มีสองมาตรฐานมาโดยตลอด และไม่ต่อยอดรัฐธรรมนูญเก่าๆ ปรัชญาการร่างรัฐธรรมนูญ 2550 คือ แค้นคนๆเดียวสกัดคนเดียว
คนที่เข้ามาร่างก็เป็นเป็นราชการ อย่าให้ตนแฉว่าใครได้อะไรจากการร่างบ้าง
“วิกฤติทั้งหมดที่เกิดในปัจจุบันไม่ใช่วิกฤติของรัฐบาล แต่เป็นวิกฤติของคนที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาล เขากำลังจัดการคนเบื้องหลัง
ซึ่งเป็นผู้ตั้งรัฐบาล ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่ตัวเป้าหรอก เบื้องหลังมีหลายคน ซึ่งคนที่อยู่เบื้องหลัง คือทหาร มีทั้งในราชการ
นอกราชการก็มี ตามที่คนเสื้อแดงบอก วันนี้อยากเรียกร้องคนอย่างหม่อมคึกฤทธิ์ (ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช) เพราะพูดแล้ว
มีคนฟัง ไม่เช่นนั้นก็แก้ปัญหาไม่ได้ แต่ทุกวันนี้คนที่จะแก้ปัญหาได้กลับถือหางข้างใดข้างหนึ่ง” นายชุมพล กล่าว
นายชุมพล กล่าวต่อว่า วิกฤติที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ได้แก้ได้ด้วยการแก้รัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเริ่มด้วยการแก้รัฐธรรมนูญ
ปัญหาใหญ่ของวันนี้คือ มาตรา 237 เรื่องการยุบพรรค และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง วันนี้ถึงเวลาที่จะต้องแก้ เพราะไม่ไม่มีเวลาแล้ว
เนื่องจากใกล้จะยุบสภาแล้ว การยุบสภาไม่ต้องคุยกับนายกฯ เพราะคุยไปนายกฯก็ไม่ยุบ
ขณะที่นายถวิล กล่าวว่า ตนไม่ติดใจรัฐธรรมนูญ จะออกมาอย่างไร รับได้ทั้งนั้น เพราะเราเป็นนักการเมืองเขาไม่ให้เรามีส่วนร่วม
ในการแก้ไข ส่วนการจะเห็นด้วยหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ตนเห็นว่า รัฐธรรมนูญ 2550 ผู้ร่างไปใส่เรื่องนโยบายมากไปจนรัฐบาล
ไม่เป็นอิสระในการบริหาร
แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาแก้ เพราะยังมีเรื่องอื่นอีกตั้งแยะ ไม่ใช่ปุบปับแก้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องมีระบบเสียก่อน
ไม่ใช่อยู่ๆจะมาแก้ หลายพรรคคิดที่จะแก้หลายประเด็น แต่สุดท้ายก็เอาเฉพาะสองประเด็นที่เสนอมา ซึ่งไม่ใช่เหตุและผล
ขั้นตอนแก้ต้องมีกระบวนการที่ดีกว่านี้
ด้านนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนเห็นว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 มีธง ออกแบบมาสร้างความแตกแยกในชาติ มีที่ไหนที่รัฐธรรมนูญในโลกนี้
จะบรรจุความไม่ชอบธรรมลงในรัฐธรรมนูญ อาทิมาตรา 309 ที่ให้คณะปฏิวัติทำอะไรก็ไม่ผิด แต่อีกพวกถึงไม่ผิดก็ต้องผิด
อย่างนายสมัครถูกปลดออกจากตำแหน่งเพราะทำกับข้าว ตนไม่เถียงว่ามันไม่ผิดเพราะมันอาจจะเฉียดๆ แต่สุดท้ายก็ถอดถอน
เขารับงานเป็นจ็อบๆ อยากถามว่าเข้าข่ายลูกจ้างหรือ? วันนี้พรรคฝ่ายค้านแค่หายใจก็อาจจะซวย
นอกจากนี้ตนยังเห็นอีกว่า รัฐธรรมนูญปี 2550 ยังเขียนกับดักไว้ทำลายการเมือง เพราะเป็นฉบับเดียวที่เขียนห้าม
ห้ามส.ส. ไปแก้ความเดือดร้อนให้ประชาชน ในมาตรา 266 เรื่องการห้ามก้าวก่ายงานของข้าราชการประจำ ซึ่งความเดือดร้อน
ของประชาชนก็คืองานขอข้าราชการเท่านั้น
วันนี้ส.ส. ไม่กล้าเซ็นอนุมติอะไรเช่นหากไปเซ็นอนุมัติโครงการแหล่งน้ำ ก็เหมือนเซ็นเข้าคุก ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากรัฐธรรมนูญ
ต่อเนื่องถึงองค์กรอิสระ ที่เกิดจากเครือข่ายคณะปฏิวัติและใช้อำนาจเบ็ดเสร็จบวกกับตุลาการภิวัฒน์ ทำให้เป็นที่มาของสองมาตรฐาน
จนถึงมาวันนี้พูดกันว่าไม่มีมาตรฐานแล้ว
ขณะที่นายสมคิด กล่าวว่า รัฐธรรมนูญทุกฉบับมีข้อดีข้อเสีย ไม่เฉพาะ 2550 เท่านั้น ซึ่งหากจะมีการแก้รัฐธรรมนูญ 2550
ก็สามารถแก้ได้ เพราะรัฐธรรมนูญที่ว่าดีที่สุดก็ได้มีการแก้ด้วยทั้งนั้น ไม่ว่าฉบับไหนเขียนมาก็เผื่อให้มีการแก้ด้วยกันทั้งนั้น
ซึ่งเนื้อหาของรัฐธรรมนูญก็จะเป็นไปตามสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนั้น ๆ อย่างไรก็ตามการรัฐธรรมนูญต้องอยู่บนพื้นฐาน
การแก้รัฐธรรมนูญปี 2550 ไม่ใช่เป็นการหยิบปี 2540 มาใช้ก็สามารถใช้ได้ ทั้งนั้นในการแก้รัฐธรรมนูญก็ใช่ว่าจะแก้ปัญหา
ความขัดแย้งในขณะนี้ได้ เอารัฐธรรมนูญปี 2540 ก็เชื่อว่าก็ไม่หยุดความเคลื่อนไหวของสีเหลืองแดงได้ หรือเนื้อหาจะดีขึ้น
กว่าเดิมไหม ตนในฐานะคนร่างไม่ติดใจการแก้ การแก้เรื่องเขตเลือกตั้งกับ 190 หากจะแก้ก็ไม่กระทบอะไร แต่หากแก้
จะเกิดสมานฉันท์ไหมก็ไม่เกิด ส่วนเรื่องเขตเลือกตั้ง เขตเดียวเบอร์เดียวดีกว่าในทางทฤษฎี แต่ในสังคมไทยในทางปฏิบัติ
มันเป็นไปในทางเดียวกันหรือไม่
“หากเทียบสองฉบับระหว่าง รัฐธรรมนูญ ปี 2540 และ ปี 2550 นั้นผมชอบปี 2540 มากกว่า แต่ผมไม่เชื่อว่าจะเอามาใช้
บนสถานการณ์ปัจจุบันได้ หากจะแก้ต้องเอาสองฉบับมารวมกัน เพราะ รัฐธรรมนูญ 2540 ไม่มีทางแก้ปัญหาในทางปัจจุบัน”
นายสมคิด กล่าว
ที่มา:konthaiuk
*********************************************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น