เมื่อ 3 สิงหาคม 2544 เป็นวัน "หยุดประเทศไทย" วันหนึ่ง เนื่องเพราะมีการตัดสินคดีซุกหุ้นภาคแรกของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อีก 9 ปีต่อมา วันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ เป็นวัน "หยุดประเทศไทย" อีกเช่นกัน เนื่องเพราะศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะตัดสินคดีร่ำรวยผิดปกติ 76,000 ล้านบาท ของคนชื่อ ทักษิณ
... แม้เหตุการณ์ทางการเมืองในช่วง 2 เวลาดังกล่าว มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นตัวชูโรงเหมือนเดิม แต่มีความคล้ายและแตกต่างกันในหลายประเด็น
"ประชาชาติธุรกิจ" นำเสนอภาพเปรียบเทียบ พ.ต.ท.ทักษิณในคดีซุกหุ้น ปี 2544 กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในคดียึดทรัพย์ ปี 2553
@ สถานะต่างกันราวฟ้ากับเหว
ก่อน 3 สิงหาคม 2544 สถานะของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เป็นนายกรัฐมนตรีที่ชนะการเลือกตั้งมาอย่างถล่มทลาย ในการเลือกตั้งวันที่ 6 มกราคม 2544 พรรคไทยรักไทยกวาด ส.ส.ทั้งสองระบบได้มากที่สุด 248 เสียง ทิ้งห่างพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้ ส.ส.แค่ 128 เสียง
ปี 2544 พ.ต.ท.ทักษิณมีความฮึกเหิมอย่างที่สุด ทักษิณบอกว่า เขาจะทำอะไรให้กับประชาชนได้มากกว่านี้ ถ้าไม่มีมีดปักหลัง อันหมายถึงคดีซุกหุ้นในศาลรัฐธรรมนูญ
แต่สถานะวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้เป็นนายกฯ และเป็นนักโทษที่มีคดีติดตัวเพราะถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 2 ปี คดีซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ ทำให้หลบลี้ภัยอยู่ในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นดูไบ ยูกันดา กัมพูชา ไม่มีหลักแหล่งที่แน่นอน
@ คดีซุกหุ้นกับคดียึดทรัพย์
คดีซุกหุ้นภาคแรก ปี 2544 เป็นเสมือนปฐมบทของคดีซุกหุ้น ก่อนที่กระบวนการเชิดนอมินีจะพัฒนามาเป็น ซุกหุ้น "ไตรภาค" จากซุกหุ้นผ่านคนรับใช้ คนขับรถ มาเป็นซุกหุ้นในบริษัทบนเกาะบริติช เวอร์จิ้น ก่อนจะมีการขายหุ้นชินคอร์ปให้เทมาเส็ก และกลายเป็นฉากสุดท้ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ
ในคดีซุกหุ้นภาคแรก เดิมพันของ พ.ต.ท.ทักษิณฝากไว้กับศาลรัฐธรรมนูญ ขณะที่คดียึดทรัพย์ 76,000 ล้าน ความมั่งคั่งของตระกูลชินวัตรแขวนอยู่กับคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่จะอ่านคำพิพากษาเวลา 13.00 น. วันศุกร์ที่ 26 ก.พ. 2553
ความแตกต่างกันคือ คดีซุกหุ้นภาคแรก อาจทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณตกเก้าอี้นายกรัฐมนตรี
แต่คดียึดทรัพย์ อาจทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัว จนลงทันที 76,000 ล้าน ถ้าศาลฎีกาตัดสินยึดทรัพย์ทั้งหมด !
ทว่าสิ่งที่คล้ายกันคือรูปแบบการต่อสู้ พ.ต.ท.ทักษิณต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ทั้งต่อสู้ทางกฎหมายที่ส่งมือกฎหมายชั้นนำ และพยานเบิกความจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็ใช้มวลชนต่อสู้นอกศาล ทำให้บรรยากาศวุ่นวายเป็นอย่างมาก กล่าวคือ
ก่อนตัดสินคดีซุกหุ้น มวลชนที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคไทยรักไทย โหมกระแสกดดันศาลรัฐธรรมนูญ และกรรมการ ป.ป.ช. อย่างหนักหน่วงและรุนแรง
ถึงขนาดมีการข่มขู่ว่าจะเผาศาลรัฐธรรมนูญทิ้ง ถ้าตัดสินว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีความผิด ตลอดจนมีการส่งจดหมายและโทรศัพท์ข่มขู่ตุลาการ และ ป.ป.ช.
ที่สำคัญมีกระแสข่าวลือสะพัดไปทั่วว่า มีการใช้เงินก้อนโตติดสินบนตุลาการจำนวนหลายสิบล้านบาท
ผ่านมา 9 ปี ในคดียึดทรัพย์ แรงกดดันศาลฎีกาทวีความรุนแรงไม่ได้น้อยกว่าปี 2544 มีการลอบนำระเบิดซีโฟร์ไปวางบริเวณสนามข้างรั้วศาลฎีกา มวลชนที่นำโดยกลุ่มเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยโหมเคลื่อนไหวกดดันอย่างหนัก และพยายามเชื่อมโยงไปถึงสถาบันชั้นสูง และองคมนตรี ว่ามีส่วนสำคัญในการพิจารณาคดีของศาลฎีกา
@ กลุ่มสนับสนุนที่เปลี่ยนไป
คดีซุกหุ้นภาคแรก พ.ต.ท.ทักษิณมีคุณหญิงพจมาน ภรรยา ร่วมต่อสู้เคียงข้าง แต่คดียึดทรัพย์ 76,000 ล้าน ต้องต่อสู้เพียงลำพัง ไม่มีคุณหญิงพจมานเคียงข้างเพราะหย่าขาด แบ่งแยกสมบัติกันแล้ว คุณหญิงอ้อกลับไปใช้นามสกุล ณ ป้อมเพ็ชร์
คดีซุกหุ้น พ.ต.ท.ทักษิณใช้มวลชนร่วมกดดันศาลรัฐธรรมนูญ ทั้ง ส.ส. สมาชิกพรรคไทยรักไทย ทหาร ตำรวจ เพื่อนนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 10 สื่อมวลชน ชาวบ้าน รวมทั้งนักวิชาการ ผู้นำทางความคิดออกมาเรียกร้องชี้นำให้ใช้หลักรัฐศาสตร์ แทนหลักนิติศาสตร์ อาทิ น.พ.เสม พริ้งพวงแก้ว น.พ.ประเวศ วะสี เป็นต้น
คดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ไม่มีมวลชนสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณจำนวนมากเท่าครั้งก่อน มีเพียงกลุ่มเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย และนายทหารบางคน ขณะที่นักวิชาการ ชนชั้นกลาง ตลอดจนผู้นำทางความคิด ถอยห่างจาก พ.ต.ท.ทักษิณ
ขณะเดียวกันมีแรงต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ โผล่ขึ้นเต็มไปหมด เห็นได้จากโพลหลายสำนักที่สำรวจพบว่า การเคลื่อนไหวทางการเมืองก่อนวันที่ 26 ก.พ. เป็นไปเพื่อคนเพียงคนเดียว
บทสรุปวันที่ 3 สิงหาคม 2544 พ.ต.ท.ทักษิณหลุดพ้นข้อกล่าวหา
บทสรุปวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 พ.ต.ท.ทักษิณจะเป็นอย่างไร ต้องติดตาม
แต่ที่แน่ ๆ หลังวันที่ 3 สิงหาคม 2544 ทักษิณ บอกว่า ขอบคุณ ศาลมีความยุติธรรม
ทว่า ...วันนี้ ทักษิณและพวก ประจานศาลไทยไปทั่วโลกว่า ไม่น่าเชื่อถือ 2 มาตรฐาน !!!
ที่มา:ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น