--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

** ใครเหนือกว่ากัน !!!! **

ช่วงนี้ใครเป็นคอการเมืองก็คงนั่งแทบไม่ติดพื้น เพราะต้องออกแรงลุ้นแรงเชียร์ ทั้งเสื้อแดง เสื้อเหลือง เสื้อน้ำเงิน หรือ
เอาใจช่วย “นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ว่าจะเอาตัวรอดจากขบวนการโค่นล้มรัฐบาลได้หรือไม่

แต่ถ้าให้คะแนนกันช่วงนี้ ต้องบอกได้ว่าการออกมา เปิดเผยข้อมูลของ แกนนำ นปช. ดูจะมีหลักฐานและน้ำหนักทำให้คนทั่วไป
เชื่อถือได้มากกว่า

คงเป็นเพราะ “วอร์รูม” ของนายใหญ่ มีทั้งตำรวจ ทหาร ข้าราชการที่เคยได้ดิบได้ดี ในช่วง “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” เป็นใหญ่เป็นโต
ทางการเมือง แถมยังได้บุคคล หลากหลายอาชีพเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดวางยุทธศาสตร์ ประสิทธิภาพจึงไม่ธรรมดา เอาเป็นว่า
บุคลากรที่เข้ามาช่วยงาน อยู่ในหน่วยงานหลักที่ดูแลงานทางด้านความมั่นคง เอ่ยชื่อออกมาหลายคนคงนึกไม่ถึง

อย่างล่าสุดที่ “นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ออกมาตอบโต้ข้อหา “สู้แล้วรวย” และโชว์หลักฐานซึ่งเกี่ยวพันกับเงินบริจาคของ
“พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ

แม้ว่าล่าสุดจะมีคำชี้แจงของนักธุรกิจที่ถูกพาดพิงว่า เป็นเงินที่ใช้ทำบุญร่วมกัน พร้อมทั้งแสดงหลักฐานว่าเส้นทางเงินไปอยู่ตรงไหน
ก็ต้องถือว่าประสิทธิภาพของ นปช. ไม่ธรรมดา ขนาดไม่ได้อยู่ในฝ่ายคุมกลไกอำนาจรัฐ ยังค้นหาหลักฐานสำคัญนำมาดิสเครดิต
ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองได้

ขณะที่ “วอร์รูม” ของพรรคประชาธิปัตย์ เท่าที่ผมติดตามความเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็น ประเด็นการตอบโต้ หรือจุดประเด็นกล่าวหา
ฝ่ายตรงข้าม ส่วนใหญ่ล้วนแต่ เต็มไปด้วยโวหารและฟองน้ำลาย ไม่มีหลักฐานอะไรที่พอจะจับให้มั่นคั้นให้ตาย
ก็เห็นจะมีแต่เรื่อง นปช. บางคนใช้บริการของการบินไทย โดยมีข้อครหาว่าไม่ยอมซื้อตั๋วเครื่องบิน แต่เรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนฟ้องร้อง
กันอยู่ในศาล

หรืออย่างล่าสุดที่มีการที่สมาชิกพรรคแกนนำรัฐบาลคนหนึ่งออกมาปูดข่าวว่า มีนักธุรกิจหรือนักการเมืองสนับสนุนทางการเงิน นปช.
ประกอบด้วย 1 “ส” ซึ่งเคยมีฐานะเป็นอดีตรัฐมนตรี 2 “พ” อดีตรัฐมนตรีและนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 3 “ป” นักธุรกิจเครื่องดื่มชื่อดัง
4 “ส” เจ้าของห้างสรรพสินค้า และ 5 “ว” ทนายความ คอยทำหน้าที่เป็นแคชเชียร์

พออ่านข่าวทีแรกหลายคนคงรู้สึกตื่นเต้น ยิ่งโฆษกพรรคประชาธิปัตย์อธิบายเส้นทางการโอนเงินด้วยวิธีการหรือรูปแบบต่าง ๆ
แต่พอซักไปซักมา ก็ยังไม่มีหลักฐานอะไร ที่พอจะเชื่อมโยง ให้ได้เห็นชัดว่า เกี่ยวข้องกับใครบ้าง ซึ่งกำลังอยู่ขั้นตอนการตรวจสอบ
ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อยู่

แต่ถ้าพูดถึงเรื่อง “ท่อน้ำเลี้ยง” หรือการให้เงินสนับสนุนกับบรรดาแกนนำ นปช. หรือคนเสื้อแดง ผมคิดว่า “พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร”
อดีต ผบ.สส. ดูจะพูดจามีน้ำหนักและน่าเชื่อถือมากที่สุด กับการออกมาบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณใช้เงินเป็นและเป็นคนขี้เหนียว
เนื่องจากข้อมูลที่ผมเคยได้รับ เงินสนับสนุนของบรรดานักเคลื่อนไหวซึ่งอยู่ในเครือข่ายของนายใหญ่ ไม่ได้โอนมาจากต่างประเทศ
แต่ขอให้บรรดานักธุรกิจและนักการเมืองที่สนิทชิดเชื้อ ช่วยกันระดมทุนเพื่อโค่นล้มรัฐบาล

ถ้าหาก พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยได้กลับเข้ามามีอำนาจฝ่ายบริหาร ก็จะตอบแทนบุญคุณ ด้วยการมอบเก้าอี้รัฐมนตรีหรือ
ตำแหน่งทางการเมืองให้ ผมจึงไม่แน่ใจว่าจะมีหน่วยงานไหนหาหลักฐานที่นำไปสู่ต้นทาง “ท่อน้ำเลี้ยง” ได้

เผลอ ๆ ในช่วงที่รัฐบาลกำลังเจียนอยู่เจียนไป ระวังจะมีเจ้าหน้าที่รัฐสวมเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวไล่ฝ่ายบริหาร
และ จะเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้มีอำนาจแต่งตั้งที่ยึดคติ “เลือกเงินก็ไม่ได้ใจ”.

"เขื่อนขันธ์" Dailynews
***************************************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น