หลังคำตัดสินศาลสั่งให้ยึดทรัพย์"ทักษิณ" ผลคดียังอาจส่งผลต่อการตัดสินคดีอาญาใน 5 กรณีเอื้อประโยชน์ และคดีแจ้งบัญชีเท็จหลังศาลฎีกามีมติเป็นเอกฉันท์ว่าซุกหุ้น ระบุ"แม้ว" นับอัตราโทษมีสิทธิเจอคุก 26 ปี เผย"ซีทีเอ็กซ์"ต่อคิวขึ้นศาล
"ทักษิณ"ส่อโดนคดีอีกเพียบ
รายงานข่าวจาก คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายที่แก่รัฐ หรือ คตส.เปิดเผย"มติชน" ว่า แม้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะตัดสินยึดทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไป 46,373 ล้านบาท จาก 76,621 ล้านบาท แต่ผลคดีดังกล่าวยังอาจส่งผลต่อการตัดสินคดีอาญาของ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างน้อย 2 คดี เนื่องจากศาลฎีกาฯมีมติด้วยเสียงข้างมากว่าการออกกฎหมายแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต และการอนุมัติให้ประเทศพม่ากู้เงินจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า (เอ็กซิมแบงก์) เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทในเครือชินคอร์ป ที่อัยการยื่นฟ้องดำเนินคดีอาญากับ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย เนื่องจากคำตัดสินของศาลฎีกาฯมีผลผูกพันกับทุกศาล โดยขณะนี้ทั้ง 2 คดีอยู่ระหว่างจำหน่ายคดีชั่วคราว เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณหลบหนี
นอกจากนี้ยังอาจทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เล่นงาน กรณีแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ เพราะศาลฎีกามีมติเป็นเอกฉันท์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณอำพรางหรือซุกหุ้นไว้ในชื่อลูก เครือญาติ และบริษัทเอกชน ระหว่างดำรงตำแหน่งนายกฯ 2 สมัย โดยก่อนหน้านี้นายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช.ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จของ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาระบุว่าหลังศาลฎีกาฯตัดสินคดียึดทรัพย์เสร็จ จะขอเอกสารหลักฐานจากศาล โดยเฉพาะหนังสือรับรองจากธนาคารยูบีเอส เอจี ประเทศสิงคโปร์ ที่ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้มีอำนาจซื้อขายหุ้นชินคอร์ปของบริษัท แอมเพิลริช อินเวสต์เมนต์ ระหว่างปี 2544-2548 แต่เพียงผู้เดียว
ปปช.จ่อเอาผิดซุกหุ้นภาค2
นายภักดีกล่าวว่า คณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. จะนัดประชุมวันที่ 4 มีนาคม เพื่อเตรียมขอคำพิพากษาที่ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นเจ้าของหุ้นที่แท้จริงจำนวน 1,419 ล้านหุ้น แต่อยู่ในชื่อของบุคคลอื่นมาขยายผลประกอบการพิจารณาคดีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จฯในช่วงที่เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นข้อมูลใหม่ที่ ป.ป.ช.ยังไม่เคยมีมาก่อน ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีมาก คาดว่าคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช.คงใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน จะส่งเรื่องให้ที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่ลงมติชี้มูลความผิดได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผลของคำพิพากษาที่ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีการซุกหุ้น โดยให้คนในครอบครัวถือหุ้นแทน จะถือเป็นบรรทัดฐานในการพิจารณาของ ป.ป.ช.ด้วยหรือไม่ นายภักดีตอบว่า คงต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ แต่เชื่อว่าทุกคนคงคาดเดาได้
ระบุ"แม้ว"มีสิทธิเจอคุก26ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีเอ็กซิมแบงก์ พ.ต.ท.ทักษิณถูกฟ้องร้องในข้อหาละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000 ถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนคดีภาษีสรรพสามิตนอกจาก พ.ต.ท.ทักษิณจะถูกฟ้องในมาตรา 157 ยังถูกฟ้องเรื่องการขัดกันของผลประโยชน์ตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 100 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดย พ.ต.ท.ทักษิณถูกตรวจสอบว่าอาจแจ้งบัญชีเท็จ จำนวน 4-6 ครั้ง กล่าวโดยสรุป พ.ต.ท.ทักษิณมีโอกาสติดคุกเพิ่มเติมสูงสุด เป็นเวลา 26 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตาม คดีทั้งสามยังไม่สามารถเดินหน้าได้ ตราบใดที่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่เดินทางมาขึ้นศาล เนื่องจากเป็นคดีที่มีมูลความผิดทางอาญา ซึ่งศาลฎีกาฯไม่สามารถไต่สวนหรือพิจารณาลับหลังจำเลยหรือผู้ถูกกล่าวหาได้ โดยขณะนี้ได้มีการออกหมายจับในคดีเอ็กซิมแบงก์และคดีภาษีสรรพสามิตไว้แล้ว
เผย"ซีทีเอ็กซ์"ต่อคิวขึ้นศาล
นายใจเด็ด พรไชยา กรรมการ ป.ป.ช.ในฐานะประธานคณะทำงานร่วม ป.ป.ช.และอัยการคดีทุจริตโครงการปรับปรุงระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าและเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด ซีทีเอ็กซ์ 9000 เปิดเผยว่า ต้นมีนาคมนี้จะมีการนัดประชุมคณะทำงานร่วมเพื่อสรุปสำนวนเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนดำเนินการส่งฟ้องร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป เบื้องต้นยังไม่ได้กำหนดวันว่าจะส่งฟ้องเมื่อใด ต้องรอหารือในที่ประชุมคณะทำงานร่วมวันดังกล่าวก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสำนวนคดีที่ คตส.ส่งฟ้องให้กับอัยการ มีผู้ถูกฟ้อง 3 กลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มนักการเมือง อาทิ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กลุ่มพนักงานบริษัท การท่าอากาศยานแห่งใหม่ (บทม.) กับคณะกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) และกลุ่มนิติบุคคลรวมถึงบุคคลธรรมดา รวม 25 คน
ที่มา.มติชนออนไลน์
***********************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น