
นอกจากบทบาทของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในฐานะประธานพรรคเพื่อไทยแล้ว ขอให้จับตาบทบาท พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อย่างเป็นพิเศษ
เป็นบทบาทในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานทางการเมือง
เป็นบทบาทในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมือง ที่เรียกร้องความเป็นเอกภาพ เรียกร้องความกล้าหาญ
ณ วันนี้ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย เป็น ส.ส.นนทบุรี
คงจำกันได้ว่า ก่อน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จะผันตัวเองไปเป็น "เขยนครพนม" ก็เคยเป็นส.ส.นนทบุรี
และคนที่หาเสียงเคียงกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็คือ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย
ณ วันนี้ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย นอกจากเป็นส.ส.นนทบุรี แล้วยังดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร
จำเป็นต้องจับตาบทบาท พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อย่างชนิดเกาะติด
ต้องยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยอยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานยิ่ง อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ของการเปลี่ยนผ่านอย่างมีนัยสำคัญทางการเมือง
เพราะว่าพรรคเพื่อไทยคือความต่อเนื่องจาก พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน
การยุบพรรคไทยรักไทยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2550 ทำให้กรรมการบริหารพรรค 111 คนถูกแขวน และกระจัดพลัดพรายไป
การยุบพรรคพลังประชาชน เมื่อเดือนธันวาคม 2551 ทำให้กรรม การบริหารพรรค 109 คนถูกแขวน และบางส่วนก็กระจัดพลัดพรายไป
ที่เหลืออยู่ในพรรคเพื่อไทยถือว่าเป็นน้ำ 3 อันเหลือจากไทยรักไทย พลังประชาชน
อย่าแปลกใจหากว่าบทบาทของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยในเวทีแห่งรัฐสภาไม่คึกคักเท่าที่ควร แม้กระทั่งจะหาชื่อบุคคลที่เหมาะสมในการระบุว่าเป็นนายกรัฐมนตรีการเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจก็ยากเย็นอย่างยิ่ง
กระนั้น ก็อย่ามองข้ามบทบาท พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย เป็นอันขาด
พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย สำเร็จจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และได้ดุษฎีบัณฑิตในทางวิศวกรรมศาสตร์จากต่างประเทศ
เป็นอาจารย์สอนในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
ฝึกปรือวิทยายุทธ์ทางการเมืองจาก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จากพรรคความหวังใหม่ และที่สุดมาแจ้งเกิดในพรรคไทยรักไทย ต่อเนื่องจนถึงพรรคพลังประชาชน
บทบาทเด่นเป็นอย่างมากคือบทบาทหลังรัฐประหารเดือนกันยายน 2549
พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย คือแกนนำที่สำคัญคนหนึ่งของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ตั้งแต่ยังเป็นหวอดเล็กชุมนุมอยู่ท้องสนามหลวงและยกขบวนไปยังบริเวณหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์
อย่าได้แปลกใจหากเมื่อผ่านสถานการณ์ 26 กุมภาพันธ์ 2553 มา พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย คือผู้ที่นั่งผนึกพลังร่วมกับเพื่อนส.ส. และพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
ออก "แถลงการณ์พรรคเพื่อไทย" ในวันที่ 27 กุมภา พันธ์ 2553
แท้จริงแล้วภายในพรรคเพื่อไทยมิได้แล้งไร้ผู้นำ เพียงแต่มิได้สำแดงตัวออกมาอย่างโฉ่งฉ่าง
เพียงแต่รอจังหวะเวลาอันเหมาะสม เพียงแต่รอผ่านการกลั่นกรองจากการต่อสู้ที่เป็นจริงในยามหน้าสิ่วหน้าขวานและในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมืองเท่านั้น
เพราะว่า "ในยามยากย่อมพิสูจน์มิตรแท้และคนจริง" ให้เป็นที่ประจักษ์
ที่มา.ข่าวสดรายวัน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น