


รัฐบาลโหมประโคม สร้างข่าวว่าม็อบเสื้อแดงที่มาชุมนุมประท้วง จะก่อความรุนแรง สร้างความเดือดร้อนให้คนเมืองหลวง ทำลายเศรษฐกิจของประเทศ
โดยใช้สื่อทีวีเสนอเหตุการณ์เมื่อวันที่ 13 เม.ย. 2552 ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เพื่อให้หวาดผวาและเกลียดชังผู้ที่จะมาร่วมชุมนุม
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ปูดข่าวว่าม็อบมีแผนจะไล่ล่าจับตัวรัฐมนตรี เมียและลูก
ขณะเดียวกันก็ประกาศแจกรถกันกระสุนให้คณะรัฐมนตรีใช้ และเตรียมเซฟเฮาส์ให้อยู่
จากนั้น ก็เรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคงก่อนจะประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียงรวม 8 จังหวัด
พร้อมประกาศจัดตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส.) ระดมกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่ 3 มาสนธิกำลังกว่าครึ่งแสน พร้อมอาวุธครบมือ เพื่อข่มขู่ผู้ชุมนุม
แม้รัฐบาลจะหาสารพัดวิธีเพื่อหยุดยั้งม็อบ ทั้งสกัดกั้น ทั้งถ่วงรั้ง แต่ก็ไม่อาจทัดทานพลังของมวลชนได้
การชุมนุมในวันที่ 13-14 มี.ค. จึงมีประชาชนมาร่วมมากเป็นประวัติการณ์
มหาดไทยและสันติบาลบอกอยู่ที่ประมาณ 120,000 คน
แต่สำนักข่าวต่างประเทศระบุว่าน่าจะเกินนั้น
เป็นที่น่าสังเกตว่าประเด็นที่แกนนำม็อบนำมาพูดและใช้แสดงออกในครั้งนี้ คือรวมใจชาวไพร่ ขับไล่รัฐบาลอำมาตย์
โดนใจแนวร่วมคนยากจน คนชั้นล่าง คนต่างจังหวัดที่เข้ามาหาเช้ากินค่ำในกรุงเทพฯ หรือไม่นั้น
แกนนำบางคนถึงกับอึ้ง เพราะมีเสียงตอบรับ แสดงสัญลักษณ์ให้กำลังใจเต็มท้องถนน ทั้งระหว่างเดินทางเข้ากรุง หรือเคลื่อนขบวนออกจากสะพานผ่านฟ้าฯ
อีกคำหนึ่งที่รัฐบาลฟังแล้วแสลงใจ นั่นคือการเรียกยุทธวิธีการชุมนุมนี้ว่าเป็น "สงครามไพร่"
นายสุเทพคงหาวิธีโต้ตอบที่เนียนกว่านี้ไม่ได้ ก็เลยงัดเอาอาวุธเก่า ที่ใช้หากินมาตลอด นั่นคือบอกว่าเป็นวิธีการแบบคอมมิวนิสต์
ขณะที่ศอ.รส.ก็คงรับรู้ว่าสัญญะ"ไพร่"นั้น สามารถ กระตุกพลังเงียบ คนยากคนจนในเมืองได้จริง
จึงต้องขึ้นเว็บไซต์ชี้แจงอย่างรวดเร็ว อ้างว่าเป็นการนำเสนอข้อมูลที่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง เพราะจากประวัติศาสตร์ชาติไทย ระบบไพร่ ระบบทาส ยกเลิกตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แล้ว
ส่วนระบบขุนนาง-อำมาตย์ ก็ได้ยกเลิกบรรดา ศักดิ์ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 8 แล้วเช่นกัน
จึงถือว่าทุกคนมีสิทธิเสมอภาคในความเป็นคนไทยเช่นเดียวกัน
อ่านแล้วทั้งเชยและน่าขำ
ข่าวสดรายวัน
คอลัมน์ เหล็กใน
**************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น