--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2553

เจรจารัฐบาล-แกนนำเสื้อแดงยังไร้ข้อสรุป-คุยต่อพรุ่งนี้

กรุงเทพฯ 28 มี.ค.- ที่สถาบันพระปกเกล้า อาคารศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อเวลา 16.30 น. การเจรจาระหว่างรัฐบาล นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายชำนิ ศักดิ์เศรษฐ์ แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ กับแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง นำโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นพ.เหวง โตจิราการ เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง และทั้งสองฝ่ายได้จับมือก่อนที่จะเริ่มเจรจา สำหรับบรรยากาศการเจรจาทั้งสองฝ่ายยังคงยืนตามข้อเสนอเดิม เสื้อแดงเรียกร้องยุบสภา ขณะที่รัฐบาลเห็นว่ายังไม่ใช่ทางออกที่ดี ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ประนีประนอม

“วีระ” เปิดฉากเสนอยุบสภาและค่อยเจรจาแก้ปัญหาร่วมกัน

นายวีระ มุสิกพงศ์ เป็นฝ่ายเริ่มเจรจาก่อน ว่าจะเสนอให้นายกรัฐมนตรียุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน เป็นผู้ตัดสินใจ ขณะนี้ปัญหาหลายอย่างไม่สามารถแก้ไขได้ และอีกสิ่งหนึ่งที่ยังขัดข้องอยู่คือรัฐธรรมนูญที่ทำให้หลายฝ่ายไม่สบายใจ เพราะขณะนี้ยังไม่ชัดว่าจะมีการแก้ไขหรือทำประชามติอย่างไร และนายกรัฐมนตรีมาทำงานในช่วงที่บ้านเมืองมีปัญหามาก แต่ไม่อาจฝ่าฟันปัญหาที่เกิดขึ้นได้ จึงคิดว่าการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ เป็นทางออกที่ดี และการมาเจรจาเพื่อแก้ปัญหาร่วมกัน พูดตรง ๆ หากใครชนะก็ไม่มีประโยชน์ถ้ายังแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ถ้าร่วมมือกันประเทศก็จะชนะ และอยากให้เริ่มต้นทำรัฐธรรมนูญใหม่ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เป็นปัญหาแทงใจคน ว่ามีทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง และมีหลายองค์กรในรัฐธรรมนูญ ที่แต่งตั้งโดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ดังนั้น อย่ารอให้ครบเทอมแล้วมีการแก้ไข

นายกฯ ย้ำไม่เคยปฏิเสธข้อเสนอยุบสภา

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวว่าส่วนตัวอยากให้ประเทศชนะ ไม่ใช่ชัยชนะของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ตนยืนยันมาตลอด ว่าฝ่ายที่มีความคิดเห็นแตกต่างไม่ใช่ศัตรู เพียงแต่มีความแตกต่างทางการเมือง และมีการแสดงออกที่รุนแรงมากขึ้น ดังนั้นรัฐบาลพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อบริหารสถานการณ์ไม่ให้มีเหตุที่ทำให้ ใครเสียใจภายหลัง ตนยืนยันไม่เคยปฏิเสธข้อเสนอเรื่องยุบสภา แต่ยังมีเหตุผลหลายอย่างที่ความเห็นไม่ตรงกัน และเมื่อยุบสภาแล้ว ปัญหาจะจบจริงหรือไม่

“ที่ผมมาเจรจาในฐานะนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่หัวหน้าพรรคการเมือง จึงต้องตระหนักมากกว่าการเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งก่อนจะมาพูดคุยได้ใช้เวลาสั้น ๆ หารือกับพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ทุกพรรคก็สนับสนุนกระบวนการพูดคุย แต่เราฟังความเห็นจากทุกฝ่ายว่าการยุบสภา จะแก้ไขปัญหาได้จริงหรือไม่ ต้องดูพื้นฐานคนทั้งประเทศ วันนี้คนกลุ่มเสื้อแดงไม่ใช่กลุ่มคนผูกขาด ยังมีหลายคนที่สนับสนุนและไม่สนับสนุนใครเลย ซึ่งคนกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดก็ได้ ทุกคนมีสิทธิมีเสียงเท่ากัน ดังนั้นจึงไม่สามารถตัดสินใจแทนใครได้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

“อภิสิทธิ์” ระบุการเลือกตั้งยังไม่ใช่คำตอบขณะนี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่ามีหลายคนที่เห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่เคยได้คำตอบเพราะมีหลายประเด็นที่มีการพูด และไม่ได้ข้อสรุป และยังมีข้อสงสัยว่าถ้าหากมีการแก้รัฐธรรมนูญ เป็นการแก้เรื่องนิรโทษกรรมหรือไม่ อย่างไรก็ตามสรุปว่าการเลือกตั้งคงไม่ใช่คำตอบที่ตรงนัก เพราะหากมีการหาเสียง แล้วมีคนนำคลิปเสียงที่อ้างว่าตนสั่งฆ่าประชาชนไปใช้หาเสียง เกิดเป็นเรื่องร้องเรียน และถ้าคนนั้นเป็นกรรมการบริหารพรรค แล้วถูกวินิจฉัยให้ยุบพรรคอีก ปัญหาต่าง ๆ จะวนกลับมาอีกหรือไม่ ดังนั้นต้องมีการตกลงกติกาให้ชัดก่อน

“จตุพร” ย้ำให้ยุบสภา อย่ากลัวปัญหาจะวนกลับมาที่เดิม

นายจตุพร กล่าวว่ารัฐสภาชุดนี้เชื่อว่าไม่มีทางแก้ไขรัฐธรรมนูญได้สำเร็จ ถ้าวันนี้นายกรัฐมนตรี หาทางออกด้วยการยุบสภา และทุกฝ่ายมาลงสัตยาบัน ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็จะไม่มีใครต่อต้าน ถ้ารัฐบาลมั่นใจ ว่าประชาชน ยอมรับแม้เป็นรัฐบาลรักษาการ ก็จะได้รับการเลือกตั้งกลับเข้ามา ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่ากลับมาด้วยความสง่างาม ถ้านายกรัฐมนตรีมั่นใจว่าได้ 280 เสียงเหมือนที่เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ระบุ ก็ควรคืนอำนาจให้กับประชาชน ส่วนเรื่องคลิปเสียงที่นายกรัฐมนตรี กล่าวอ้างว่าจะเป็นปัญหาวนกลับมาที่เดิม เชื่อว่าเรื่องทุกอย่างจะเป็นไปตามกระบวนการ ศาลจะเป็นผู้ตัดสิน ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็นเหตุให้ยุบพรรคก็ว่ากันไป ถ้านายกรัฐมนตรีดำเนินการตามนี้ ต่างฝ่ายก็ใช้ชีวิตปกติ ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี ใช้ชีวิตในค่ายทหาร แต่ทหารเข้าไปใช้ชีวิตในทำเนียบรัฐบาล

นายชำนิ กล่าวว่ากรณีรัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตย ชอบหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย คงไม่ใช่ปัญหา เพราะตน ได้รับทราบข้อมูลจากการศึกษาปัญหาการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ พบว่ามีปัญหาที่เกิดจากการใช้น้อยมาก แต่มีเรื่องของความรู้สึก ว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาจากไหน ถ้ายุบสภาแล้ว ได้คำตอบที่ไม่สอดคล้องกับความรู้สึกก็คงแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด
นพ.เหวง กล่าวว่าสิ่งที่เป็นปัญหาคือโครงสร้างของประเทศ ที่ไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง จุดที่ทำให้แตกร้าวคือประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย เป็นรัฐอำมาตย์ หากยุบสภาแล้ว สิ่งที่จะได้ คือยุติความขัดแย้งทางการเมืองที่แตกร้าว

นายกฯ เสนอจัดทำโรดแม็ปให้บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เชื่อว่าการยุบสภาไม่สามารถทำให้ประชาชน เปลี่ยนแปลงอารมณ์ที่ตกค้างจากความขัดแย้ง จึงควรให้เวลากับการคลายความรู้สึก แล้วหันมาช่วยกันทำกติกาให้ดีขึ้น ดังนั้นทางออกจึงไม่ควรมีทางเลือกเดียวคือการยุบสภา แต่ควรจะสร้างโรดแม็ป เพื่อทำให้บ้านเมืองและความรู้สึกของประชาชนกลับคืนสู่ความเป็นปกติ หากใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการแก้ปัญหาบ้านเมือง จากนั้นจึงค่อยคืนอำนาจให้ประชาชนก็ได้ ตนยังเชื่อว่าการยุบสภาเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่ทางออกของสังคม และขอย้ำว่าตนมีจุดยืนที่ชัดเจน ที่จะรับฟังข้อเรียกร้องที่มีเหตุผล และจะให้เกียรติกับทุกฝ่าย

นายจตุพร กล่าวว่าสิ่งที่ยืนยันคือการยุบสภา เพราะการอยู่ของนายกรัฐมนตรีขณะนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ควรให้เจ้าของประเทศช่วยกันตัดสินใจ ไม่ควรตัดโอกาสสังคม และได้สอบถามนายกรัฐมนตรีว่ามีแนวทางอย่างไร

“อภิสิทธิ์” เสนอกรอบเวลาเพื่อให้แก้ปัญหาได้

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ไม่เคยบอกว่าจะอยู่จนครบวาระ แต่บอกแล้วว่า ถ้าหากใครมีข้อเสนอที่มีเหตุผลก็ต้องรับฟัง ที่ผ่านมาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็มีความพยายาม สรุปออกมาได้ 6 ประเด็นแต่พรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วย ดังนั้นหากเดินหน้าไปก็ไม่เกิดประโยชน์ อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาของประเทศ ต้องค่อย ๆ คุยกัน ซึ่งตนอยากเสนอว่าให้กำหนดกรอบเวลา และมีเหตุมีผล ให้เชื่อได้ ว่าจะสามารถเดินหน้าแก้ไขปัญหาได้ ซึ่งคนเสื้อแดง อาจจะกลับไปหารือกับผู้ชุมนุมก่อนก็ได้

นายวีระ กล่าวว่าระหว่างทางเลือกว่าจะยุบสภา และทำกติกาใหม่ หรือกติกาแล้วค่อยยุบสภา ตนเห็นว่ามีความแตกต่างกัน คนเสื้อแดงเคยรอกติกาใหม่ แต่แล้วก็ต้องผิดหวัง ดังนั้นจึงเห็นว่าควรยุบสภาก่อน ค่อยทำกติกาใหม่ภายหลัง นายกรัฐมนตรีควรพูดให้ชัดว่าเลือกแบบไหน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเคยมีความพยายามเลือกตั้งแล้วทำกติกาใหม่ แต่ก็ทำไม่ได้ ในวันนี้จึงควรกำหนดตารางเวลาให้ชัดเจน โดยการแก้ไขปัญหาหรือทำกติกา จากนั้นค่อยมาทำประชามติก็ได้

“จตุพร” ชี้กติกาใหม่ทำได้ยาก เสนอไปตายดาบหน้า

นายจตุพร กล่าวว่า เรื่องการทำกติกาใหม่เป็นเรื่องยาก คนเสื้อแดงเห็นว่าสามารถไปตายเอาดาบหน้าได้ ขณะนี้อยู่ที่นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวที่จะตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร ถ้าพรรคประชาธิปัตย์มั่นใจว่าจะได้เสียงข้างมาก ก็ควรยุบสภา และไปเลือกตั้งใหม่ ซึ่งประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจเอง ตนเห็นว่านายกรัฐมนตรีต้องตกผลึกว่าจะตัดสินใจอย่างไร วันนี้คงคุยกันได้ยาก เพราะมีความเห็นไม่ตรงกัน เมื่อทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันเมื่อไหร่ค่อยมาคุยกันใหม่

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่เคยกังวลว่ายุบสภาแล้วใครจะแพ้หรือชนะ อยู่ที่ว่าแม้มีการเลือกตั้งใหม่ คนก็ยังกลัว ดังนั้นควรมาแก้ปัญหา ถ้าทุกฝ่ายจริงใจปัญหาก็สงบลงได้ “ผมไม่มีสิทธิ์ให้สังคมไปตายดาบหน้า แต่ต้องหาคำตอบให้สังคม”

แต่นายจตุพร ยืนกรานให้รัฐบาลยุบสภา และเลือกตั้งใหม่ เพราะเมื่อยุบสภาเมื่อถึงขั้นตอนการเลือกตั้งทุกฝ่ายจะกลับไปอยู่ในจุดที่ เท่าเทียมกันเพื่อให้ประชาชนตัดสิน

และเมื่อเวลา 19.00 น. ซึ่งการเจรจาผ่านไป 2.30 ชม. นายวีระ ขอหยุดพักการเจรจาเพื่อทำภารกิจส่วนตัว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำคนเสื้อแดงได้ใช้เวลาประมาณ 5 นาที เพื่อหารือเป็นการส่วนตัวในห้องรับรองฝั่งตรงข้ามกับห้องเจรจา และการเจรจาเริ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อเวลา 19.15 น. และคุยต่ออีกประมาณไม่ถึง 20 นาทีก่อนจะจบการเจรจาในวันนี้เมื่อเวลาประมาณ 19.25 น. และนัดคุยต่อพรุ่งนี้ .


ที่มา.สำนักข่าวไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น