นับถอยหลังไป 6-7 ปีที่แล้ว ไทยเรามีเหตุการณ์เกี่ยวข้องกับ “ประชาธิปไตย” มากมายก่ายกอง...จอมปลอมบ้าง-เท็จจริงบ้างตาม “คำสั่งอีแอบ” ทั้งพธม.-นปช.ผลัดกันเปิดเวที..ใช้สิทธิเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ ดังนั้น เหตุการณ์ทั้งสองจึงเกี่ยวข้องกับความเชื่อในลัทธิ “ประชาธิปไตย” โดยตรง นักการเมืองพยายามตีความประชาธิปไตยเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตนเอง ทั้งที่ประชาธิปไตยเป็นสิ่งสากลและมีมาตรฐานในตัวเองประชาธิปไตยเป็นสิ่งสากล ประเทศส่วนใหญ่ในโลกยอมรับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ส่วนการนำหลักการประชาธิปไตยไปปฏิบัติได้ผลมากน้อย
ขนาดไหนเป็นอีกเรื่อง แต่บางคนก็ตีความประชาธิปไตยในทางที่ผิดเพี้ยนไปเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเอง บางประเทศใช้คำว่า “ประชาธิปไตย” นำหน้าชื่อประเทศ แต่การปกครองแท้จริงกลับกลายเป็นเผด็จการ ในเมืองไทยเราประชาชนก็สับสนกับคำว่าประชาธิปไตย เพราะนักการเมืองต่างก็อ้างว่าตนเป็นเองเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง หลักการประชาธิปไตยถูกบิดเบือนหลักการประชาธิปไตยแปลง่ายๆ คือ หัวใจ 3 ดวง คือ หลักการตรวจสอบและถ่วงดุล
เสรีภาพ รวมทั้งการมีส่วนร่วมของประชาชนซึ่งถือว่าเป็นตัววัดว่า ประเทศนั้นมีการปกครองแบบประชาธิปไตยหรือไม่อย่างไร ส่วนการเลือกตั้งนั้นเป็นเพียงวิธีการหนึ่งเพราะไม่ว่าประเทศคอมมิวนิสต์หรือเผด็จการต่างก็มีการเลือกตั้ง แต่การเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยต้องเป็นไปอย่างเสรี ยุติธรรม ไม่มีการซื้อสิทธิขายเสียงจนทำให้เจตนารมณ์ของประชาชนถูกบิดเบือน นักประชาธิปไตยต้องมีความอดทน อดกลั้นต่อความเห็นต่างทางการเมือง และต้อง ไม่ใช้ความรุนแรง
ในการแก้ไขปัญหา ดร.ปรีดี พนมยงค์ อดีตนายกรัฐมนตรีและรัฐบุรุษ อธิบานยความหมาย ของคำว่า”ประชาธิปไตย” ไว้เมื่อวันเปิดประชุมสภาเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2489 ว่า การใช้สิทธิเสรีภาพตามหลักการประชาธิปไตยต้องใช้ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่บิดเบือนเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มหรือเพื่อตัวบุคคล ไม่ก่อให้เกิดความปั่นป่วน วุ่นวายต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองเวลานี้ “การเมืองไทย” ถูกผ่าครึ่งออกเป็น 2 ฝั่ง...การเรียกร้องประชาธิปไตยถูกเปิดเวที
โดยกลุ่ม นปช.ผู้นำต้องเสียสละ นี่เป็นการอธิบายหลักการประชาธิปไตยได้ดีที่สุด สั้นที่สุด วันนี้เมื่อความคิดเห็นสวนทางกัน กลุ่มคนที่ต้องการแสดงออกซึ่งความเห็นและใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ควรยึดหลักประชาธิปไตยให้มั่นคงจะทำอะไรต้องคิดถึงประโยชน์ของชาติบ้านเมืองมากกว่าประโยชน์ของตัวบุคคล เพราะชาติบ้านเมืองตายไม่ได้ส่วน “นักการเมืองห่วย” ต้องจัดการให้ “สิ้นซาก”
ที่มา.บางกอกทูเดย์
*************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น