--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพุธที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2553

ในกัมปนาทระเบิด

จากเหตุลอบวางระเบิด มาจนถึงการใช้อาวุธสงครามอย่างเอ็ม 79 ยิงเข้าใส่สถานที่ราชการที่ถูกระบุว่าเป็น "เป้าหมาย"

และล่าสุดคือการใช้อาวุธสงครามที่มีอานุภาพรุนแรงขึ้นอย่างเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี ซึ่งคาดว่าเป้าหมายคือกระทรวงกลาโหมนั้น

แม้ในยามสถานการณ์ปกติธรรมดาก็จะต้องถือว่าเป็นปัญหาร้ายแรงอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อมาเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่มีการชุมนุมของกลุ่มประชาชนที่ไม่พอใจรัฐบาล

ก็ยิ่งเป็นสถานการณ์ที่ทั้งละเอียดอ่อนและต้องการประสิทธิภาพ-ความร่วมมือจากส่วนต่างๆ ของสังคมในการแก้ไขปัญหา

มิให้การลอบก่อการร้ายเช่นนี้ลุกลามบานปลายยิ่งขึ้น



เพราะเป้าหมายของการก่อการร้ายทุกครั้งในโลก ก็คือเพื่อความกลัว ความหวาดระแวง และความปั่นป่วนวุ่นวายให้เกิดขึ้นกับสังคม

ฉะนั้น สังคมซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของการก่อการร้ายโดยตรง จะต้องตั้งสติไม่หวั่นไหว ไม่เกิดปฏิกิริยาตอบสนองในทางที่ผู้ก่อการร้ายต้องการให้เป็น

ด้วยการขจัดความกลัวโดยการร่วมกันสอดส่องดูแล ให้เบาะแสของผู้ลงมือก่อการ ขจัดความหวาดระแวงด้วยการไม่กล่าวหากันลอยๆ เพื่อหวังผลทางการเมืองโดยไร้ข้อมูลเหตุผล

และระงับความปั่นป่วนวุ่นวายด้วยการรักษาความสงบสันติในส่วนอื่นๆ

ไม่ว่าจะเป็นประชาชนผู้ใช้ชีวิตตามปกติ หรือผู้ที่ออกมาชุมนุมทางการเมือง



และที่จริงแล้ว กลุ่มคนผู้ที่สามารถลงมือก่อการร้ายเช่นนี้ก็มีไม่มากนัก เพราะนอกจากจะต้องมีความเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธสงครามแล้ว

ยังจะต้องเป็นกลุ่มที่มีความเชื่อว่า มี "อิทธิพล" หรือ "บารมี" บางประการที่ดูแลตนเองอยู่ มิให้ถูกจับกุมหรือลงโทษตามกฎหมาย

ผู้ที่สามารถให้ความมั่นใจกับกลุ่มผู้ลงมือทำการละเมิดกฎหมายเช่นนี้ ก็มีอยู่ไม่มากนักในสังคมไทย ไม่ว่าจะในกลุ่มไหน

ถ้าการรักษากฎหมายเป็นไปอย่างเข้มแข็งจริงจัง และโปร่งใส เหตุร้ายเช่นนี้ก็จะค่อยๆ สร่างซาไป

แต่ถ้าไม่สามารถยับยั้งเสียงระเบิดได้ อนาคตของประชาชนไทยก็น่าหวั่นวิตก


ข่าวสดรายวัน
คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
***********************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น