--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2553

นักการเมืองหัวใจทรราช?


คงไม่ปฏิเสธว่าบ้านเมืองจะอยู่อย่างสงบสุขไม่ได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะพฤติกรรมของนักการเมือง โดยเฉพาะเรื่องของประชาธิปไตยที่วันนี้ก็ยังมีคนสงสัยมากมายว่า ประชาธิปไตยแบบไทยๆ จะไปได้อีกนาแค่ไหน เพราะไม่ใช่แค่เรื่อง 2 มาตรฐานที่รู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองและทั่วโลกแล้ว

มีอำนาจนอกระบบ อำนาจของกลุ่มอำมาตย์และอำนาจของกองทัพ ซึ่งอยู่เหนืออำนาจประชาธิปไตย ปรกติทึ่คนส่วนใหญ่พยายามเชื่อว่า เป็นประชาธิปไตยของประชาชนและเพื่อประชาชน แต่ไม่ใช่ประชาธิปไตยในวันนี้แน่นอน เพราะรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุดก็เต็มไปด้วยร่างเงาของเผด็จการที่ก่อนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับอัปยศนี้ ประกาศไว้ชัดเจนว่า ไม่ต้องการให้พรรคการเมืองเหมือน รัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งเท่ากับไม่ต้องการให้ประชาชนมีอำนาจที่จะกำหนดอนาคตของตนเองและบ้านเมืองนั่นเอง

การโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและประชาชนเลือกเข้ามา จึงมีการรวมหัวกันอย่างเป็น กระบวนการ และทุกอย่างก็มาที่บทสรุปที่การทำรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จากวันนั้นถึงวันนี้ เรื่องรัฐประหารหรือวงจรอุบาทว์ก็ยังพูดกันตลอดเวลา เพราะทุกคนไม่เชื่อว่าจะไม่มี
ไม่ว่าผู้นำกองทัพหน้าไหนจะออกมายืนยัน ก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะแม้แต่นักการเมืองที่มาจากประชาชนก็ยังฝักใฝ่และสนับสนุน หรือให้มีการใช้กำลังแก้ปัญหาบ้านเมือง

แม้แต่ในสภาผู้แทนราษฎรที่พยายามตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อหามาตรการป้องกันการรัฐ ประหาร ก็ยังล่มไม่สามารถเดินหน้าไปได้แล้วถึง 4 ครั้ง เพราะองค์ประชุมไม่ครบ คือ มีส.ส.ประชุมไม่ถึงครึ่งหนึ่ง ประชาชนจะหน้าใส หน้าดำ รากหญ้า หรือรากเหง้าจากไหน จึงไม่เชื่อว่าประเทศไทยจะไม่มี รัฐประหารอีก

ยิ่งพฤติกรรมล่าสุดที่นำมาแฉให้เห็นถึงนักการเมืองที่ฝักใฝ่การปฏิวัติรัฐประหาร คือกรณีนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊คของตัวเองเกี่ยวกับการยึดทรัพย์พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ว่า เป็นผลดีส่วนหนึ่งของการปฏิวัติรัฐประหาร
แม้จะเป็นความเห็นส่วนตัว แต่นายกรณ์ก็เป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เป็นหนึ่งในผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ที่เก่าแก่ที่สุด ทั้งยังเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลที่พยายามยืนยันว่า เป็นรัฐบาลที่มาด้วยความถูกต้องชอบธรรม

ไม่ใช่รัฐบาลอำมาตย์อุ้มสม หรือกองทัพอุ้มสม ! แม้จะไปจัดตั้งกันในค่ายทหารก็ตาม ! จะเป็นเพราะนายกรณ์มีความเครียดแค้นพ.ต.ท.ทักษิณเพียงใดก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่พฤติกรรมเห็นดีเห็นงาม กับการทำรัฐประหาร ซึ่งทำให้พรรคประชาธิปัตย์พลอยมัวหมองไปด้วย เพราะผู้คนอาจเห็นว่าพรรค ประชาธิปัตย์ก็เห็นดีเห็นชอบกับพวกเผด็จการเช่นกัน

ขณะที่รัฐธรรมนูญมาตรา 68 ก็ระบุไว้ชัดเจนว่า ห้ามไม่ให้บุคคลล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย

เรื่องนี้คงไม่ต้องขุดบรรพบุรุษใครออกมาประณาม เพราะกว่า 77 ปีที่ประชาธิปไตยไทยต้องล้มคว่ำล้ม หงายก็เพราะการทำรัฐประหารที่มากที่สุดในโลกถึง 11 ครั้ง ยังไม่รวมการทำไม่สำเร็จที่ถือว่าเป็นกบฎอีกนับสิบครั้งเช่นกัน

อย่างนี้น่ามอบรางวัล “นักการเมืองหัวใจทรราช” หรือ “หัวใจเผด็จการ” ให้จริงๆ !


คอลัมน์.เป็นประชารัฐ
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ปีที่ 2010 ฉบับที่ 2751 ประจำวัน ศุกร์ ที่ 5 มีนาคม 2010
โดย ผู้เขียน ลอย ลมบน
*********************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น