--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2553

อย่ายุ่ง นรกจะกิน ‘กบาล’

รู้สึกตกใจกับการเปิดเผยว่า...รัฐบาลได้มีการส่งกำลังไป “ติดตามพระสงฆ์” ซึ่งเมื่อได้ยินรายชื่อบัญชีของพระสงฆ์แล้วถึงกับตะลึง...
เพราะพระสงฆ์แต่ละรูปนั้นไม่ใช่พระธรรมดา อย่างเช่น...พระสงฆ์ที่เป็นถึงอธิการบดีของมหาจุฬาลงกรณ์ฯ และ อีกหลายต่อหลายรูป
ล้วนแล้วแต่เป็น “พระผู้ใหญ่” เป็นที่เรียกว่า “เป็นเจ้าคุณ” หรือจะเรียกชื่อเป็นทางการว่า “พระราชาคณะ”

ความจริงพระสงฆ์ท่านไม่ยุ่งการเมืองอยู่แล้ว...แต่ดูเหมือนว่าการเมืองในฝ่ายผู้มีอำนาจมักจะดึงเอาพระสงฆ์เข้าไปเกี่ยวข้อง

มีข่าวกระเด็นออกมาว่า...บางวัดมีรถทหารไปจอดเฝ้าดูพฤติกรรมอยู่หลังวัดหน้าวัด พระบางรูปโดนติดตามเฝ้าพฤติกรรม
ความจริงพระสงฆ์ท่านไม่มีอาวุธอะไรอยู่แล้ว...ใครจะนิมนต์ท่านไปไหนท่านก็ไปหมด จึงไม่เข้าใจว่า...ทำไมผู้มีอำนาจจึงเฝ้าระแวง
สงสัยพระสงฆ์

อีกประการหนึ่งหากสงสัยการใด...การจะจับพระสงฆ์นั้นต้องไปแจ้งต่อ “เจ้าคณะปกครอง” ก่อน จากนั้นจึงนิมนต์ท่านไปสอบต่อหน้า
เจ้าคณะปกครอง เว้นเสียความผิดซึ่งหน้า “อาญาแผ่นดิน” นั้นเป็นอีกประเด็นหนึ่ง

การไปแสดง อำนาจบาตรใหญ่ ใส่พระ...ทั้งๆ ที่พระท่านมีบาตรใบเล็กกว่า...เป็นการไม่สมควรทั้งสิ้น การที่รัฐบาลเอาการเมืองไปยุ่ง
กับพระบอกได้เลยว่า “คิดผิด” และเตรียมตัวนับถอยหลังคืนวันแห่งการพ้นสภาพจากการเป็นรัฐบาลได้เลย

ด้วยเพราะพระสงฆ์ระดับผู้ใหญ่แต่ละรูป...บวชเรียนมายาวนานกว่า 20 ปีขึ้นไป...มีลูกศิษย์ลูกหาไม่ใช่น้อยๆ คิดเล่นๆว่า...
พระรูปหนึ่งมีลูกศิษย์หมื่นคน

แล้วพระสงฆ์ใหญ่ๆ ทั่วประเทศที่โดนบัญชีรายชื่อนั้น รวมๆ กันแล้วมีลูกศิษย์กว่า “สามแสนคน” หากคิดแบบหลวมๆ เท่ากับว่า...
รัฐบาลก่อเหตุให้หมางใจกับคนกว่าสามแสนคน โดยมิใช่เรื่อง

แม้แต่ชื่อของพระที่เป็น เลขาฯ ของเจ้าคณะพระบางกอกฯ ซึ่งเป็นอดีตข้าราชการตำรวจก็โดนไปด้วย หรือแม้แต่ เลขาฯ ของวัดภูเขาทอง
ก็โดนด้วย

นี่เกิดอะไรขึ้น...ผู้มีอำนาจคิดอะไรอยู่? ยิ่งขนเอากำลังพลไปแสดงอำนาจละม้ายคล้ายการข่มขู่อยู่บริเวณวัด...ยิ่งไม่ควรเป็นการใหญ่
ท่านจะเล่นการเมืองกับใครก็เล่นไป...แต่ไม่ควรไปยุ่งกับพระสงฆ์ท่าน เพราะการที่เข้าไปยุ่งกับพระมากเท่าไหร่...นรกที่รอมนุษย์บาปหนา
จะรอท่านอยู่รำไร

แม้ว่าท่านรองนายกฯ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” บอกว่า สามารถแยกแยะออกระหว่าง “บุญ” กับ “บาป” ท่านอาจแยกแยะสิ่งเหล่านี้ออก...
แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านแยกแยะออกหรือไม่ ก็ต้องไปถามกันดู

คิดไม่ถึงว่าวันนี้ “พระสงฆ์” จะโดนหางเลขไปด้วยกับเรื่องของการเมือง อย่าลืมว่า...ประเทศไทยไม่ใช่เหมือนประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่
ทางตอนเหนือ...ซึ่งมีการออกมาเดินขบวนแล้วจะไล่ทุบไล่ฆ่ากัน สิ่งที่ผู้มีอำนาจกำลังทำ...เท่ากับท่านกำลัง “ผลักใสไล่ส่ง”
สัญลักษณ์แห่งคุณงามความดีการแสดงออกมาเช่นนี้เป็นการ “เร่งปฏิกิริยา” ให้รัฐบาลรีบกลับไปเป็นฝ่ายค้านเร็วขึ้น

และเชื่อว่า...หากเปรียบเทียบกับความ “ผิดบาป” ที่คิดจ้องทำลายล้างผู้มีธรรมอย่างพระผู้ใหญ่ซึ่งปฏิบัติดีปฏิบัติงามมาร่วม 20 ปี
หากรัฐบาลผู้สร้างเรื่องสร้างราวในเวลานี้กลับเป็นฝ่ายค้าน...อย่างน้อย 20 ปีจึงจะได้กลับมาเป็นรัฐบาลใหม่อีกครั้ง...เรียกว่า...
เป็นการตอบสนองตามบุญและตามกรรม

หรือรัฐบาลลืมไปว่า...พระสงฆ์แต่ละรูปที่ท่านไปแตะไปเฝ้านั้น แต่ละรูปเป็นเพียงแค่พระธรรมดา บอกได้เลยว่า “คิดผิด”
เพราะพระสงฆ์แต่ละรูปนั้นล้วนมีสมณะศักดิ์ทั้งสิ้น ภาษาราชการเรียกว่า “พระราชาคณะ” หากไม่เข้าใจคำว่า “พระราชาคณะ”
สามารถไปเปิดดูพจนานุกรม...แล้วจะได้หูตาสว่างกันเสียที!

ที่มา.konthaiuk
*****************************************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น