--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2553

“ใจ”เป็นอาวุธ!

คอลัมน์ เป็นประชารัฐ
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
โดย ลอย ลมบน

วันนี้คนไทยทุกคนต่างอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะเป็นวันแรกที่คนเสื้อแดงประกาศชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุด

ถ้าไม่มีการโหมประโคมข่าวและให้ข่าวในลักษณะปลุกระดมของรัฐบาลเพื่อจะใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ในพื้นที่กรุงเทพฯและ 7 จังหวัด และยังมีกฎหมายอีก 18 ฉบับ เพื่อให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐแบบครอบจักรวาล

การชุมนุมของคนเสื้อแดงก็จะเป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตยที่จะชุมนุมกันอย่างสงบและสันติ ไม่ใช่ถูกปลุกระดมและสร้างภาพจากสื่อต่างๆของรัฐจนเหมือนพวกอันธพาล

การประกาศใช้กฎหมายของรัฐไม่เพียงส่งผลให้คนทำมาหากินหรืองานที่กำหนดไว้มากมายต้องประกาศเลื่อนออกไปเท่านั้น

แม้แต่นักเรียนมัธยมฯปีที่ 1 และ 4 ที่กำลังอยู่ในช่วงรับสมัคร กระทรวงศึกษาธิการก็ประกาศเลื่อนออกไปอีก

กลายเป็นว่าคนเสื้อแดงก่อกวน ป่วนเมือง และสร้างความเดือดร้อนให้กับบ้านเมืองและคนกรุงเทพฯไปโดยปริยาย

แต่ไม่มีใครมองเลยว่าผลทั้งหมดเกิดจากรัฐบาลที่จงใจทำตามที่วางแผนไว้

รัฐบาลต้องการปิดเมือง ไม่ใช่คนเสื้อแดง

รัฐบาลมีอำนาจ กำลังคน และอาวุธ

แต่คนเสื้อแดงมีแค่ “ใจ” ที่เป็น “อาวุธ” มาเรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริงที่เป็นของประชาชนกลับคืนมาเท่านั้น

อย่างที่คุณศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการอิสระ ให้สัมภาษณ์ในเว็บไซต์ประชาไทตอนหนึ่งว่า

“การที่คนกรุงเทพฯกลุ่มหนึ่งคิดว่ารักสันติจนถือดีมาบอกว่าคนเสื้อแดงคนอื่นๆที่มาชุมนุมไม่ใช่คนไทย นี่มันคือการดูถูกความเป็นมนุษย์ของเขาอย่างถึงที่สุด ความเป็นคนไทยมันอยู่ที่ตัวตนของคนเรา มันไม่ได้อยู่ที่การที่เขามีความคิดทางการเมืองที่แตกต่างกับคนกรุงเทพฯ”

หรือคุณชัยวัฒน์ สถาอานันท์ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านสันติวิธี ที่แสดงทรรศนะผ่านช่องหอยม่วงว่า กลุ่มคนเสื้อแดงส่วนใหญ่คือคนที่ไม่ต้องการความรุนแรง ฝ่ายที่อาจจะต้องการความรุนแรงเป็นเพียงคนกลุ่มน้อยเท่านั้น สิ่งที่ทุกฝ่ายควรจะพยายามทำก็คือไม่ทำอะไรที่เป็นการทำให้คนกลุ่มน้อยกลายมาเป็นผู้แทนของคนกลุ่มใหญ่

“ถึงยังไงเขาเป็นคนไทย ไม่ว่าเสื้อสีอะไรเราก็เป็นคนไทยเหมือนกัน จะไปบอกว่าคนเสื้อแดงต้องการพังบ้านพังเมืองยิ่งอันตราย เท่ากับยิ่งผลักดันคนเสื้อแดงให้ออกห่าง และยิ่งจะทำให้คนส่วนน้อยที่ต้องการใช้ความรุนแรงคุมพื้นที่ได้มากขึ้น”

ขณะที่กลุ่มต่างๆและเครือข่ายต่างๆก็เริ่มเปิดตัวออกเรียกร้องไม่ให้ใช้ความรุนแรง ซึ่งคนเกือบทั้งประเทศ รวมทั้งคนเสื้อแดง ก็ไม่ต้องการความรุนแรง

แต่ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีจนถึงลิ่วล้อและสื่อต่างๆของรัฐบาลยิ่งกระพือข่าวว่าจะเกิดความรุนแรงต่างๆนานา ตั้งแต่เผ่าบ้านเมืองจนก่อวินาศกรรม

เหมือนคนเสื้อแดงไม่ใช่คนไทย ไม่รักประเทศไทย!

ทั้งที่คนเสื้อแดงประกาศชัดเจนว่าไม่ปิดถนน ไม่ยึดทำเนียบรัฐบาล ไม่ยึดสนามบิน ฯลฯ

แต่จะชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยที่เป็นของประชาชนกลับคืนมา

ประชาชนโดยเฉพาะคนกรุงเทพฯน่าจะตอบเองว่าใครเป็น “โจร” ที่ปิดเมืองและฉุดลากให้บ้านเมืองพังกันแน่!

**********************************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น