--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556

อีโง่. ความอับจนปัญญาของ อภิสิทธิ์ !!??

โดย. นพคุณ ศิลาเณร

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายก รัฐมนตรี ยังคงนิ่งเงียบ ไม่ต่อล้อ ต่อปากกับคำพูดเหน็บแนมของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์

เธอคงไม่ใส่ใจคำพูดดูถูก แต่นำคณะ รัฐบาลและนักธุรกิจไปเยือนสมาพันธรัฐสวิส สาธารณรัฐอิตาลี นครรัฐวาติกัน และสาธารณรัฐมอนเตเนโกรอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 8-15 ก.ย.นี้

"อีโง่..." นายอภิสิทธิ์เน้นคำพูดเชิงด่า ไม่รู้ว่าหมายถึงใคร แต่สรรพนามคำนี้ บรรจุอยู่ในการพูดถึงบทบาทของ น.ส. ยิ่งลักษณ์

นายอภิสิทธิ์ พูดบนเวทีเดินหน้าผ่าความจริงที่โรงเรียนวัดดอกไม้ ถ.พระราม 3 เขตยานนาวา กรุงเทพฯ วันที่ 7 กันยายน 2556 ว่า

"นายกรัฐมนตรีก็หลบเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ ผมก็ดูไม่ออกครับว่าที่อยู่ในประ- เทศมา 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา ไปทำอะไรบ้าง เมื่อเช้าเห็นแว้บๆ มีข่าวไปทำอะไร โครง การอะไร Smart Lady แปลว่าอะไร ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจทั้งหมดหรอกครับ เหมือนกับว่า จะประกวดใช่มั้ย หา Smart Lady แปลว่าอะไร Smart lady นี่ผมถามอภิมงคล (ม.ล.อภิมงคล โสณกุล ส.ส. ประชา ธิปัตย์) แล้ว แปลว่าผู้หญิงฉลาด แต่นี่ผม ก็ถามว่า อ้าว แล้วถ้าทำโครงการนี้เนี่ย ทำไมต้องทำ ทำไมต้องหาผู้หญิงฉลาด ทำไมต้องประกวดผู้หญิงฉลาด เพราะว่าเขาบอกว่า ถ้าแข่งขันหาอีโง่ ไม่มีใครไปแข่งได้"

"อีโง่" ในคำพูดเต็มๆของอภิสิทธิ์มีความหมายแอบแฝง แปลเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากระบุถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์

+ องค์กรสตรีเตือนนิ่มๆ

มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล โดย นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการออกโรงเตือนสติอภิสิทธิ์แบบนิ่มนวล ว่า คำปราศรัยของนายอภิสิทธิ์ ดูถูกผู้หญิงเกินไป พูดไม่ให้เกียรติผู้หญิง ผลที่ตามมาทำให้ภาพลักษณ์นายอภิสิทธิ์ดูไม่ดี เหมือน ไม่ให้เกียรติผู้หญิง เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นการดูถูกผู้หญิงทั้งหมด ซึ่งต้องระวัง

"การพูดในลักษณะเช่นนี้หลายครั้ง ทำให้ไม่สามารถคาดหวังถึงการตรวจสอบ โครงการต่างๆ ของรัฐบาลจากพรรคฝ่าย ค้านได้ นอกจากนี้การวิจารณ์เช่นนี้ยังสะท้อน ถึงวุฒิภาวะของคนพูดว่าใช้สติปัญญาในการพูดมากน้อยขนาดไหน ยิ่งพูดต่อหน้าคนจำนวนมากยิ่งต้องระวัง" นายจะเด็จระบุ

เมื่อกลุ่มสตรีนำ "วิถีเพศ" มาขยายผลวิจารณ์คำพูดของ "ชาย" ชื่ออภิสิทธ์ที่ดูถูก "หญิง" ว่าไม่เหมาะสม แต่เขากลับ ลอยหน้าลอยตาโต้กลับว่า พูดตามที่เห็นในกูเกิล ไม่ได้พูดถึงใคร และไม่ทราบว่ามีใครร้อนตัวหรือไม่

"การประกวดสมาร์ท เลดี้ แปลว่า ผู้หญิงฉลาด ก็ถูกแล้ว เขาคงไม่ประกวด อีโง่ ดังนั้นจึงไม่ทราบว่าเกี่ยวอะไรกับการ ดูถูกผู้หญิง"

"อีโง่" ไม่ต้องระบุตรงๆ ก็ได้ว่าใครเดือดร้อน เพราะ "อี" เป็นคำพูดเชิง "ดูถูก" ที่กระทำต่อ "หญิง"

และหญิงประเภท "แม่" ย่อมเดือด ร้อนกันทุกคน สิ่งที่หญิงออกมาประณาม "อภิสิทธิ์" หนุ่มนักเรียนนอก ผู้มากความ ฉลาด เคยเป็นนายกรัฐมนตรี มีพฤติกรรม แบบอย่างให้สังคมยึดถือ ไม่สมควรพูดในสิ่ง "โง่ๆ" ออกจากปาก

เรื่องแค่นี้ "อภิสิทธิ์" ยังไม่รู้ แล้วยังมาลอยหน้าลอยตา ทำเป็น "ดื้อตาใส" ไม่ได้ว่าใครเฉพาะเจาะจงกระนั้นหรือ?

อภิสิทธิ์อ้างพูดตามกูเกิล และในกูเกิลเต็มไปด้วยคำด่ายิ่งลักษณ์ว่า อีโง่ และ ลีน่า จัง คือคนที่โดดเด่นที่สุดในกระบวนการด่านั้น

ตรรกง่ายๆ มีว่า อภิสิทธิ์ได้เดินมาถึงจุดที่มีระดับสมองเท่ากับ "ลีน่า จัง" เสียแล้ว น่าเสียใจเป็นอย่างยิ่งกับพรรคประชาธิปัตย์

+ "โอ๊ค" ป้อง "อาปู"

ในสื่อสารโลกออนไลน์ นำคำพูดของ อภิสิทธิ์ไปวิจารณ์ โจมตีถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอย่างกว้างขวาง เต็มไปด้วยรสชาติมันๆ

การตอบโต้คำพูดที่ไร้วุฒิภาวะเช่นนั้น ถึงกับระบุว่า "ถ้ายิ่งลักษณ์โง่ แต่อภิสิทธิ์แพ้เลือกตั้ง แล้วจะเรียกว่าอะไร"

คำตอบล้วนอยู่ในใจ และย่อมเข้าใจ ตรงกันแน่แท้...

"โอ๊ค" พานทองแท้ ชินวัตร ตัวช่วย "อาปู-ยิ่งลักษณ์" ตอบโต้อภิสิทธิ์ในเพจทันท่วงที เขาระบุว่า ผู้ที่ชอบตีโพยตีพาย คิดไปเองว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่น ฉลาดล้ำ กว่าคนอื่น เป็นผู้แพ้แต่ดันไปกระแหนะกระแหนผู้ชนะว่าโง่นั้น ต้องระวังความโง่มันจะย้อนเข้าตัว

"ถ้าหากคนชนะไปเยาะเย้ยคนแพ้ว่าโง่ สังคมก็จะประณามครับ ถือว่าไม่ใช่ลูกผู้ชาย ไม่มีน้ำใจเป็นนักกีฬา แต่เหตุ การณ์นี้กลับยิ่งตาลปัตรหนักกว่าเดิมอีก คนชนะอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว ก้มหน้าก้มตาตั้งใจทำงาน แต่คนแพ้กลับมาพูดจาเยาะเย้ยถากถางคนชนะว่าโง่ ถ้าเขา ย้อนกลับมาว่า ถ้าคนชนะยังเรียกว่าโง่ แล้วคนแพ้จะเรียกว่าอะไรดี"

อีโง่จึงถูกลากไปสู่อารมณ์เก็บกดทางการเมือง เหมือนเด็กน้อยเต็มไปด้วยปัญหาทางใจ อยากได้ "เก้าอี้นายกรัฐมนตรี" มาครอง แต่กลับจนด้วยปัญญา

ว่ากันด้วยอารมณ์การเมืองแล้ว ช่วง หลังๆ อภิสิทธิ์และแกนนำพรรคประชาธิปัตย์หลายคน ล้วนออกอาการผิดสำแดง ในจุดยืน 66 ปีของพรรคประชาธิปัตย์เป็นอย่างยิ่ง

จุดยืนพรรคประชาธิปัตย์ ในทางเปิดแล้ว เมื่อเป็นฝ่ายค้าน จะค้านชนิดหัวชนฝาในสภา เมื่อไม่ชนะ จะเดินเกมการ เมืองในทางลับ แอบหนุนพลังอำนาจมวล ชนนอกสภา และกลุ่มอำนาจนอกระบบมา จัดการโค่นรัฐบาล

แต่ในช่วงนี้อภิสิทธิ์และประชาธิปัตย์ ไม่มีการเมืองในด้านลับเสียแล้ว เพราะกลุ่ม พลังมวลชนไม่มีใครเล่นด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงเปิดหน้าเล่นโต้งๆ ไม่มีเหนียมอายกับการต่อสู้ข้างถนน ลืมตามแบบฉบับผู้ดีที่ยึดถือ เชื่อมั่นระบอบรัฐสภาไปสิ้น

อภิสิทธิ์-ชวน หลีกภัย-สุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำคนสำคัญ ออกมาเล่น การเมืองข้างถนน เดินนำหน้ามวลชนเข้า สภา จนสร้างความตกตะลึงให้ผู้นำประเทศ ประชาธิปไตยทั่วโลกมึนงงกัน

ในห้องประชุมสภา ส.ส.ประชาธิปัตย์ออกอาการอารมณ์เถื่อนดิบ ถ่อย ทุ่ม เก้าอี้ระบายความโกรธ ฉีกเอกสาร โยน กองหนังสือ ใช้คำพูดด่ากราดประธานสภา ถูกอุ้ม บีบคอ ต่อยหน้าตำรวจสภา ขึ้นเวที ม็อบกองทัพประชาชนที่สวนลุมพินี ปลุกมวลชนนอกสภามาโค่นรัฐบาล ตระเวนกล่อมกลุ่มมวลชนมาตั้งเวทีปฏิรูประบอบทักษิณ...

กระทั่งถึง "อีโง่" ดูถูกผู้หญิง สารพัดที่พวกเขากระทำต่อรัฐบาล ราวกับมีปัญหาเก็บกดทางใจ

+ ทักษิณเปลี่ยน-ปชป.อับจนปัญญา

พฤติกรรมห่ามๆ สะท้อน "ความอับจนทางปัญญา" เช่นนั้น เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แกนนำพรรคไม่ตำหนิ ส.ส.ของพรรค และนับวันมีแต่หนักข้อขึ้นไปทุกขณะ

ประชาธิปัตย์เกิดมาแล้ว 66 ปี ไม่คิดเปลี่ยนแปลง ให้เข้ากับสังคมเปลี่ยนใหม่ พรรคเก่าแก่พรรคนี้มีพฤติกรรมไม่แตกต่างจากนักการเมืองที่กิน "มรดก" ไปวันๆ จึงออกอาการล้าหลังไปเรื่อยๆ

ประชาธิปัตย์ ยากจะชนะทางการเมืองในอนาคตอันใกล้นี้ได้อีกแล้ว หากไม่เปลี่ยนแปลงทางการเมืองให้สอดคล้อง กับสังคมไทยที่เปลี่ยนไปไกลหลายช่วงตัว พวกเขาเอาแต่จมปลัก หมกมุ่นต่อต้านระบอบทักษิณ โค่นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ด้วย ปากที่ไม่เชื่อมโยงกับสมอง

วันนี้ยิ่งลักษณ์เอาแต่เงียบ ทักษิณเปลี่ยนการต่อสู้ทางการเมืองหนีไปไกล จน ประชาธิปัตย์มองไม่เห็นฝุ่นแล้ว

โปรดสังเกต ขณะนี้ทักษิณเงียบสงบ ไม่พูดพร่ำเพรื่อเหมือนเดิม ไม่ตอบโต้ข้อกล่าวหาของประชาธิปัตย์

ประชาธิปัตย์จะถ่อย กักขฬะในสภา ขนาดไหน ม็อบการเมืองสวนยางต้อง การโค่นล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์อย่างไร

ทักษิณยังเงียบ ไม่มีความเห็นใดหลุดจากปากเหมือนเดิมอีกแล้ว

นี่คือ ยุทธวิธีใหม่ของทักษิณที่เปลี่ยนไป แต่ประชาธิปัตย์ยังไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว จะตามทันได้เช่นใด

เพจของทักษิณในขณะนี้มีคนติดตามกว่าล้านคน เนื้อหาในเพจมีแต่การรายงานภารกิจเดินหน้าหาลู่ทางทำให้ประเทศ เจริญอย่างเดียว

ล่าสุด ทักษิณเขียนในเพจถึงการเดิน ทางไปประเทศอิตาลี ไปประชุมกับทีมงาน ที่จ้างด้วยเงินส่วนตัวเพื่อหาลู่ทางว่า "จะใช้ศักยภาพคนไทยให้ผลิตของสู่ตลาดโลก โดยมีคุณภาพสูง มี design ที่ดี และในที่สุดมี Brand Name ระดับโลก...."

สรุปว่าการจ้างทีมงานชุดนี้ เพื่อช่วยประเทศไทย เตรียมตัวยกระดับธุรกิจ SMEs และ OTOP รวมทั้งเด็กไทยที่กำลังเรียนแล้วจะเป็นอนาคตของประเทศ ให้พร้อมเข้าสู่ Creative Economy หรือ เศรษฐกิจที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ทำมาหากินนั่นเอง

ทักษิณไปไกลแล้ว และเปลี่ยนยุทธวิธีการต่อสู้ทางการเมืองทิ้งห่างประชาธิปัตย์ไปไกลจนสุดกู่

ส่วนประชาธิปัตย์ ยังงมโข่งอยู่กับอารมณ์เถื่อนดิบ ราวกับอยู่ในยุคสังคมชนเผ่า ชอบออกแรงระบายแค้น ปลุกมวลชนออกมาต่อสู้ สะใจกับม็อบสวนยางปิดถนน ปิดทางรถไฟ และดูถูกสตรีว่า "อีโง่..."

มรดกพรรคการเมืองเก่าแก่ถูกใช้ไปทุกวัน จนแทบไม่มีเหลืออีกแล้ว ไม่คิดเปลี่ยนแปลงวิธีต่อสู้ทางการเมืองให้สอด คล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก

เลือกตั้งกี่ครั้ง คงแพ้และสะสมแค้น แน่นอกไปเรื่อยๆ สักวันคงระเบิดแล้วจึงจะเกิดปัญญาว่า พลาดไปแล้ว

ที่มา.สยามธุรกิจ
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น