--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2556

เล็งผุดสนามบินเชียงใหม่สอง ล้อแผนยกศูนย์ประชุมสู่นานาชาติ !!??

นายนพรัตน์ เมธาวีกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (สสปน.) กล่าวว่า จากกรอบแนวทางดำเนินงานเพื่อพัฒนาศูนย์ประชุมนานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ให้ เป็นศูนย์กลางการจัดประชุมและนิทรรศการของประเทศและภูมิภาคอาเซียนภายในระยะ เวลา 5 ปีนั้น ได้แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 ระยะ คือระยะแรก ปี 2556 เน้นการทำตลาดภายในประเทศและวางรากฐานอุตสาหกรรมไมซ์ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เชียงใหม่เป็นเมืองยุทธศาสตร์ไมซ์ ระยะที่ 2 ปี 2557-2558 ขยายการส่งเสริมการตลาดระดับภูมิภาคผ่านกรอบความร่วมมือในอนุภาคลุ่มน้ำโขง (GMS) และประเทศในอ่าวเบงกอล (BIMSTEC) ระยะที่ 3 ยกระดับเชียงใหม่ให้เป็นจุดหมายการประชุมระดับนานาชาติ

"แผนระยะที่ 2 นอกจาก สสปน.จะพัฒนาฐานข้อมูลไมซ์จังหวัดเพื่อรองรับการแข่งขันในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปี 2558 ยังร่วมมือกับจังหวัดเชียงใหม่ส่งเสริมตลาดในภูมิภาคผ่านกรอบความร่วมมืออนุภาคลุ่มน้ำโขง และประเทศในอ่าวเบงกอล โดยกำหนดอุตสาหกรรมหลักเป็นหัวหอกในการพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ เช่น ศิลปหัตถกรรมและหัตถศิลป์ สิ่งทอ สมุนไพรและสปา สุขภาพและอาหาร โดยยังคงเสน่ห์ล้านนาด้านงานแสดงสินค้าภายในประเทศ พร้อมร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ส่งเสริมและดึงงานประชุมสัมมนาจากกลุ่ม GMS และ BIMSTEC เข้ามาจัดในเชียงใหม่ เชื่อว่าตั้งแต่ปี 2560 ศูนย์ประชุมนี้จะพร้อมรับการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมไมซ์ระดับนานาชาติแห่งใหม่ของไทย" นายนพรัตน์กล่าว

นายฤทธิพงศ์ เตชะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ปี 2557 จะเพิ่มกิจกรรมต่างประเทศต่อเนื่อง พร้อมกับต่อยอดกิจกรรมในอดีต ตามแผนแม่บทเชียงใหม่ซิตี้ เน้นตลาดอาเซียน เอเชีย และตะวันออกกลางเป็นหลัก ทั้งนี้ จังหวัดอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางการสร้างสนามบินเชียงใหม่แห่งที่สอง รวมถึงแผนการพัฒนาขนส่งมวลชนในตัวเมืองเชียงใหม่รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและไมซ์ในอนาคต

"ปีนี้คาดว่าอุตสาหกรรมไมซ์ของเชียงใหม่จะเติบโตด้านจำนวนคน 5% เมื่อเทียบกับปี 2555 หรือคิดเป็นผู้เดินทางกลุ่มไมซ์ 72,424 คน ส่วนรายได้เติบโตสูงถึง 10% คิดเป็น 4,245 ล้านบาท ส่วนอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศ คาดว่าจะเติบโต 15% คิดเป็นจำนวนผู้เดินทางกลุ่มไมซ์ 4.3 ล้านคน สร้างรายได้หมุนเวียนในประเทศ 1.37 หมื่นล้านบาท" นายฤทธิพงศ์กล่าว

ที่มา : นสพ.มติชน
--------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น