--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556

ดราม่า:รถไฟตกราง 5 ปีมากกว่า 500 ครั้ง !!??

16 กันยายน การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ประกาศหยุดเดินรถไฟสายเหนือ เพื่อเปลี่ยนหมอนรองรางรถไฟจากหมอนไม้เป็นหมอนคอนกรีต ตั้งแต่สถานีรถไฟศิลาอาสน์-สถานีรถไฟ จ.เชียงใหม่ รวมระยะทางราว 300 กิโลเมตร ระหว่างวันที่ 16 กันยายน-31 ตุลาคมนี้

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 13.45 น. เกิดเหตุรถไฟขบวนที่ 172 ขาขึ้น สุไหงโก-ลก-กรุงเทพฯ ตกรางจำนวน 4 โบกี้ ระหว่างเข้าจอดชานชาลาที่ 8 ก่อนถึงสถานีรถไฟหัวลำโพงประมาณ 300 เมตร จนมีการวิจารณ์กันว่า อยู่หัวลำโพงยังตกราง

ก่อนหน้านี้ วันที่ 13 กันยายน เกิดเหตุรถไฟด่วนพิเศษระหว่างประเทศ ขบวนที่ 36 วิ่งระหว่างสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ-กรุงเทพฯ ตกรางระหว่างออกจากสถานีรถไฟบางซื่อ 2 ก่อนถึงสะพานดำข้ามคลองบางซื่อ

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ฟันธงทันทีว่า รถไฟตกรางรายวัน ช่างประจวบเหมาะกับ "พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้าน" กำลังเข้าสภาวันที่ 19-20 กันยายน 2556

"ยิ่งตกบ่อยเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ผู้คนเขาเห็นว่า ถึงเวลาแล้ว ที่จะ "ปรับปรุง" ระบบรางรถไฟ หรือโลจิสติกส์ของไทยเสียที"

ไม่ใช่แค่ชูวิทย์ จะเชื่อเช่นนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถึงกับเตือนรัฐบาลเลยว่า อย่าเอาเหตุรถไฟตกรางบ่อยครั้งมาเชื่อมโยงว่า เหตุทั้งหมด จำเป็นต้องปรับปรุงระบบราง โดยการกู้เงิน 2 ล้านล้าน

นักการ เมืองทั่วๆ ไปอาจเชื่อว่ารถไฟตกรางบ่อยครั้ง เป็นดราม่า ปั่นกระแสเงินกู้ 2 ล้านล้าน แต่หากดูสถิติขบวนรถตกราง ปีงบประมาณ 2552-2556 จะพบตัวเลขที่น่าสนใจ ดังนี้ ปี 2552 จำนวน 94 ครั้ง ปี 2553 จำนวน 96 ครั้ง ปี 2554 จำนวน 113 ครั้ง ปี 2555 จำนวน 86 ครั้ง ปี 2556 จำนวน 115 ครั้ง (ถึงกันยายน)

สาเหตุความเสี่ยง ด้านหลักๆ ในช่วงปี 2552-2556 พบว่า เกิดจากล้อเลื่อน จำนวน 75 ครั้ง เกิดจากสภาพทาง จำนวน 132 ครั้ง เกิดจากผู้ปฏิบัติงาน จำนวน 115 ครั้ง อยู่ระหว่างสอบสวน 119 ครั้ง ตัวเลขดังกล่าวมาจากฝ่ายการช่างกล การรถไฟแห่งประเทศไทย

จากตัวเลขสถิติบอกได้เพียงว่า จำนวนครั้งของรถตกรางเพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่ยุครัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จนถึงยุครัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และแนวโน้มน่าจะเกิดบ่อยและถี่มากขึ้นเรื่อยๆ

ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) 17 กันยายน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สอบถามกระทรวงคมนาคม ว่า เหตุใดรถไฟจึงตกรางบ่อยครั้ง หากรถไฟสายใดไม่มีประสิทธิภาพให้ปรับปรุง หรือยกเลิกการใช้งาน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน

ขณะที่ผู้ รับผิดชอบโดยตรง คือ นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยความรู้สึกภายในว่า ตลอดเวลาเกือบ 9 เดือนที่เข้ามาทำงานได้ประกาศตั้งแต่วันแรกว่าไม่มีก๊ก ไม่มีฝ่าย ไม่มีแบ่งกลุ่ม มีแต่ ร.ฟ.ท. อย่างเดียว โดยวางเป้าหมายที่จะกลับไปสู่จุดที่เป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทย

"หากใครมีการแบ่งพวกพ้องก็จะต้องมีปัญหา และพร้อมจะดำเนินการปรับโยกย้ายทันที และตั้งแต่เข้ามาทำงานใน ร.ฟ.ท. ได้ประกาศไว้ว่า มาคนเดียว มาทำงานแบบไม่มีพวกพ้อง และเชื่อใจในพนักงานทุกคน ถือว่าทุกคนมีเกียรติ และให้คะแนนทุกคนเต็ม จะไม่ทำงานแบบหักด้ามพร้าด้วยเข่า ขอให้ทุกคนทำงานให้กับองค์กรอย่างเต็มที่ แต่หากคะแนนใครลดลงก็พร้อมจะโยกย้ายเปลี่ยนแปลง" ผู้ว่าการการรถไฟฯ กล่าว

ในประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่การรถไฟฯ สายเหนือ และผู้ที่เกี่ยวข้องในการซ่อมทางรถไฟสายเหนือ ที่แขวงการบำรุงทางลำปาง นายประภัสร์ กล่าวให้สัมภาษณ์สื่อว่า เมื่อปิดซ่อมทางบริเวณนี้แล้วเสร็จจะมีการตกรางอีกไม่ได้ หากตกต้องมีคนรับผิดชอบ ซึ่งตนต้องเป็นคนแรก และพร้อมลาออกหากซ่อมเสร็จแล้วยังมีรถไฟตกรางในพื้นที่ซ่อมอีก เพราะประชาชนคงรับไม่ได้แน่นอน

ประโยคทองของนายประภัสร์ แสดงถึงความรับผิดชอบในฐานะผู้บริหารเต็มร้อย แต่คนในการรถไฟฯ ฟันธงว่า นายประภัสร์ ได้ลาออกแน่ๆ เพราะความเสี่ยงและโอกาสรถตกราง ยังเกิดได้อีกเรื่อยๆ ตราบใดที่ใครๆ โดยเฉพาะนักการเมืองก็เอาแต่กระทืบรถไฟไทยจนติดดิน แต่ไม่คิดเรื่องการพัฒนาอย่างเป็นระบบ

เมื่อไม่นานมานี้ "พันศักดิ์ วิญญรัตน์" ประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี กล่าวกับ "มติชนทีวี" ว่า ผมถึงบอกสงสารรถไฟกันบ้าง อย่าไปกระทืบรถไฟกันนัก บ่นกันอยู่นั่น ขนาดเป็นแบบนี้ ลูกค้ายังมี แล้วคิดดู ลองทำระบบให้ดีขึ้น ให้เครื่องไม้เครื่องมือรถไฟทำงาน ให้เงินเดือนถูกต้องยุติธรรม ตามงานของเขา แล้วคุณคิดว่า รถไฟไทย จะงี่เง่าเหมือนเดิมได้ยังไง เขาก็ดีขึ้นสิ เขาก็ภูมิใจขึ้นด้วยสิ

"สิ่งที่ผมให้คำปรึกษารัฐบาลไทยเรื่องการพัฒนารถไฟไทย ไม่ใช่ของใหม่ ผมไม่ได้เอาอะไรจากดวงจันทร์ หรือดาวอังคาร แต่รถไฟไทยมีครัวทำผักบุ้งลอยฟ้า ต้มยำกุ้งได้ และปูเตียงเก่งกว่ารถไฟอเมริกัน ผ้าสะอาดกว่ารถไฟอเมริกัน รถเสียก็มาบอกอย่างเป็นมิตร บริการสุดประทับใจ แต่เครื่องไม้เครื่องมือมัน 108 ปี ไม่มีการลงทุนใหม่ ขาดทุน พนักงานก็เซ็ง ดูไม่มีอนาคต" นี่คือมุมมองจากคลังสมองของรัฐบาล

...ครั้งหน้า ถ้ารถไฟตกราง เราอาจต้องโทษนักการเมือง!!!

ที่มา.ประชาชาติธุรกิจ
////////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น