วาระที่พรรคร่วมรัฐบาล 7 พรรค สาละวนกับวาระแก้ไขรัฐธรรมนูญ
วาระที่เขตการเลือกตั้ง-จำนวน ส.ส. ถูกถกเถียงอย่างเผ็ดร้อนว่าจะใช้จำนวนเขตเล็ก 375 สัดส่วน 125 คน หรือจะเป็นตัวเลขที่ลงตัว 400 เขต และสัดส่วน 100 คนเท่าเดิมตามแนวทางรัฐธรรมนูญ 2540
วาระที่ผู้มีบารมี-ผู้ติดกับดักการเมือง 5 ปี อีก 111 คน นับถอยหลังอีกไม่เกิน 15 เดือน จะคืนสนามการเลือกตั้ง
ระหว่างที่พรรคร่วมรัฐบาลจัดเรียง โครงการลงทุนทยอยเข้าสู่ห้องประชุม คณะรัฐมนตรีอย่างถ้อยที-ถ้อยอาศัยกัน ทั้ง 35 รัฐมนตรี 20 กระทรวง
สนามการเมืองของฝ่ายคู่แข่ง-คู่ขัดแย้ง-ฝ่ายค้าน "ทักษิณและพวก" ทั้งเพื่อไทย-อดีตพลังประชาชน-อดีตไทยรักไทย ผนึกรวมกันหนาแน่นเตรียมลงสนามเลือกตั้ง
แกนนำสำคัญของพรรคเพื่อไทย ส่งสัญญาณว่า บุคลากรการเมืองของทั้งองคาพยพฝ่ายค้าน ได้ก้าวข้ามวาระ การเปิดสภาเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ไปแล้ว
แกนนำพรรคบางคนบอกว่า ถึงอย่างไรการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องเขตเลือกตั้งก็จะออกมาเป็นระบบเขตเล็ก 400 เขต และสัดส่วน 100 คน
"แกนนำของพรรคเพื่อไทยได้หารือร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะร่วมกันโหวตวาระการ แก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องเขตเลือกตั้งไปใน ทิศทางเดียวกันทั้งหมด" แกนนำพรรค-ผู้ใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าว
แกนนำพรรคเพื่อไทย-เครือข่ายทักษิณจึงตั้งสมมติฐานการเลือกตั้งสมัยหน้าไว้ 3 ทาง
ทางแรก เลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 แนวทางนี้ถือว่าเป็นแนวทาง ที่เลวร้ายที่สุด
ทางที่ 2 เลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ฉบับแก้ไข แนวทางนี้จะทำให้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง และได้จัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพันธมิตรเก่าอย่างน้อย 3 พรรค อาทิ รวมชาติพัฒนา-เพื่อแผ่นดิน และชาติไทยพัฒนา
แนวทางที่ 3 แม้เป็นไปได้น้อยที่สุด แต่อยู่ในสมมติฐาน คือ ไม่มีการเลือกตั้ง เพราะเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง
ดังนั้น ทั้งวาระในสภาผู้แทนราษฎรและวาระนอกสภาจึงไม่ได้อยู่ในความใส่ใจของ "ทักษิณและพวก"
เพราะแม้ว่าเกิดกรณีที่เลวร้ายที่สุด เลือกตั้งในระบบเดิมพรรคเพื่อไทยยังมั่นใจว่าจะรักษาฐานที่มั่น-ฐานเสียงไว้ได้ไม่ น้อยกว่าเดิม 180 เสียง
ทั้ง "ทักษิณและพวก" จึงใจจดจ่อ-มีความหวังอยู่กับการลงสนามเลือกตั้ง
"พวกเราวางแผนไปไกลถึงการออกแคมเปญการเลือกตั้งแล้ว และการได้โพลสำรวจความนิยมทุกพื้นที่ เพื่อวางแผนการจัดกำลังคน กำลังทรัพยากรไว้พร้อม ปูพรมทุกพื้นที่" แกนนำคนสำคัญพรรคเพื่อไทยกล่าว
แกนนำคนเดิมกล่าวถึงเหตุผลของ ความมั่นใจในการเลือกตั้งครั้งหน้า ด้วยหลักวิชาวิทยาศาสตร์และการวิจัยว่า พรรคเพื่อไทยได้ทำทั้งโพลแบบมืออาชีพ-การลงพื้นที่ค้นหาความคิดเห็น ตรวจสอบปัญหาและความต้องการแบบโฟกัสกรุ๊ป พร้อมทำงานวิจัยพฤติการการเลือกตั้งในพื้นที่อย่างละเอียดทุกพื้นที่-ทุกอาชีพ
การทำโพล-และการวิจัยแบบค้นหา "ค่าผันแปร" ทุกตัว ถูกจัดทำขึ้นเป็นหัวข้อหลักในการค้นหา-สำรวจความนิยมของพรรค
"การทำสำรวจความนิยมได้มีการดับเบิลเช็กกับกลุ่มตัวอย่างที่มีทั้งฝ่ายที่ชอบเราและไม่ชอบเรา เช่น เราตรวจสอบ ความเห็นต่อการเลือกตั้งด้วยการสัมภาษณ์ความเห็นของข้าราชการ-นักปกครอง ส่วนท้องถิ่น และตำรวจ ผลออกมาชัดเจนมากว่า ขณะนี้แม้เขาไม่พอใจรัฐบาล แต่เขาจำเป็นต้องอยู่กับฝ่ายรัฐบาล แต่เมื่อถึงเวลากาบัตรเลือกตั้งเขาจะเลือกเรา" นักการเมืองที่คุมการทำสำรวจกล่าว
วาระที่ถูกเสนอจากนักคิด-ปัญญาชนของพรรคที่ต้องการให้เพื่อไทยกำหนดวาระปลดแอก "ก้าวข้ามทักษิณ" นั้น ถูกปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงจากนักเลือกตั้งในพรรค
เพราะนักจัดการการเลือกตั้งในพรรคเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า "เป็นไปไม่ได้ที่เพื่อไทยจะหาเสียงว่าก้าวข้ามทักษิณมีแต่แพ้กับแพ้ ดังนั้นทางเดียวที่จะใช้หาเสียงคือ ก้าวคู่ไปกับทักษิณ เราจึงจะชนะเลือกตั้ง คนที่เสนอให้ก้าวข้ามไม่เข้าใจคนเลือกตั้ง"
ส่วนแคมเปญหาเสียงนั้น ขณะนี้แม้ว่ากรรมการบริหารพรรค "ตัวจริง เสียงนอมินี" จะพยายามเสนอเนื้อหานโยบาย แต่ฝ่ายจัดการเลือกตั้ง "ตัวจริง-เสียงจริง" บอกว่า ทุกแคมเปญที่ออกมาเป็นดอกเห็ดในขณะนี้ "ของปลอม"
ส่วนเนื้อหานโยบาย-แคมเปญหาเสียงของจริงอยู่ในระหว่างการจัดทำโดย "ทักษิณ" เท่านั้น
เสียงที่จะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจและภาพแคมเปญระหว่างนี้จึงเป็นเพียง "เป้าหลอก" เพื่อให้นักการเมืองหน้าใหม่ในพรรคได้เป็น "สิงห์สนามซ้อม" ในสภาผู้แทนฯก่อนที่จะได้ลงสนามจริงในอนาคต
นายสมาน เลิศวงศ์รัฐ อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงแคมเปญที่จะใช้หาเสียงเลือกตั้งของ พรรคเพื่อไทยว่า ขณะนี้ยังไม่ลงตัวเพราะอยู่ระหว่างการเตรียมการ
ส่วนกรณีรายชื่อบุคคลที่จะถูกเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งปรากฏผ่านสื่อมวลชนนั้น นายสมานกล่าวว่า "มีแต่คนอยากจะเป็นนายกฯแต่ไม่มีใครอยากเป็นหัวหน้าพรรคเลย การพูดถึงว่าที่นายกฯโดยที่ยังไม่รู้ผลการเลือกตั้ง จะทำให้คนอื่นเขาหัวเราะเยาะเราเสียมากกว่า เพราะเหมือนกับยังไม่ได้ปล้นแต่จะมาแบ่งสมบัติกันแล้ว"
พรรคเพื่อไทยขณะนี้จึงระทึกใจอยู่กับความจริงหลังเลือกตั้งมากกว่าความฝันของ "มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์" ที่ระทึกอยู่กับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และได้ใส่ตำแหน่ง "ว่าที่นายกรัฐมนตรี"
เพราะคราวนี้สัญญาณชัดเจนที่ถูกส่งตรงมาจาก "ดูไบ" นั้น มีประโยคเดียว "ท่อน้ำเลี้ยงยาว นโยบายโดนใจ ใครไม่ไปพรรคอื่นได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย"
ที่มา. ประชาชาติธุรกิจ
---------------------------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น