ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรค พท. แถลงว่า คณะที่ปรึกษาด้านการเมือง ความมั่นคง ของพรรค พท. ได้หารือกันถึงกระแสข่าวการเตรียมปฏิวัติว่า ท้ายที่สุดอาจจะไม่ใช่การปล่อยข่าว เพราะที่ผ่านมาคณะที่ปรึกษาพรรค พท. ซึ่งมีเครือข่ายเป็นอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาทั่วประเทศ ส่งรายงานแผนการตามความต้องการของผู้มีอำนาจ แต่เกลียดการเลือกตั้ง โดยมีชื่อว่า "แผนจตุรทิศพิชิตเมือง" โดยจะมีลักษณะคล้ายบันใด 4 ขั้นที่ล้มรัฐบาลพรรคไทยรักไทย คือมีการชุมนุม สุดท้ายก็ออกมาปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 แผนนี้ใช้มาต่อเนื่องจนล้มรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และมาเข้มข้นในช่วงปี 2552-2553
นายจิรายุกล่าวว่า แผนดังกล่าวคือ 1.ทิศแห่งพลัง คือการสร้างพลังให้แข็งแรงกับเครือข่ายของตัวเอง ด้วยการให้มือไม้และแขนขาทำงานได้อย่างแข็งแรง เช่น การใช้ตุลาการภิวัฒน์เพื่อให้เกิดความไว้วางใจและมั่นคง เห็นได้จากคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ทั้ง 2 คดี 2.ทิศแห่งเงินตรา มีการทำคุณให้คนใกล้ชิดด้วยการใช้เงินมหาศาลในทุกระบบ โดยมีรายงานว่าอาจใช้เงินมากกว่างบประมาณของประเทศบางปีด้วยซ้ำ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย อาทิ ให้เงินพรรคการเมืองซื้อตัวข้าราชการ ซื้อตัว ส.ส.พรรคอื่นไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลในสมัยหน้าและพร้อมจะคืนกลับให้ในรูปแบบใช้เงินงบประมาณประเทศ
นายจิรายุกล่าวว่า 3.ทิศแห่งกฎเกณฑ์ คือการวางกฎเกณฑ์เพื่อให้คู่ต่อสู้อ่อนแอทุกรูปแบบ และพ่ายแพ้ไปในที่สุดด้วยการเขียนกติกาต่างๆ ในสังคมเอง เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรค ปชป.ยอมกลืนน้ำลายตัวเองให้แก้รัฐธรรมนูญ และแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลต่างก็โดนแผนนี้จนอ่อนระทวย ต้องหันไปสนับสนุนสูตร ส.ส. 375+125 และ 4.ทิศแห่งอำนาจ ซึ่งหลังมีการจุดประเด็นการปฏิวัติ ก็มีชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ซึ่งเป็นแผนกันเหนียวหากรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลเบี้ยวข้อตกลงข้างต้น และรวมไปถึงการเตรียมการไว้สำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไป หากไม่ประสบความสำเร็จก็จะมีการโค่นล้มประชาธิปไตย ด้วยการปั่นกระแสความวุ่นวายในบ้านเมืองแล้วลากรถถังออกมายึดอำนาจ
"แผนจตุรทิศพิชิตเมือง เป็นแผนแม่บท ต้นแบบในการทำงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ เห็นได้มาตลอด 2 ปีที่ซึ่งยิ่งใกล้โหมดเลือกตั้ง ก็มีการแก้รัฐธรรมนูญ ทำให้ดูเข้าเค้าตามแผนนี้มากขึ้น เพราะแม้กระทั่งนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ยืนยันตลอดว่าจะให้ลูกพรรคโหวตสูตร 400+100 ก็ยังต้องยูเทิร์นแบบไม่เปิดไฟเลี้ยว ซึ่งมีข่าวว่านายบรรหารยังได้เอ่ยปากขอโทษกับแกนนำพรรคเพื่อไทยด้วยว่า "ขอโทษครับ ผมก็ถูกหักหลัง" " นายจิรายุกล่าว
นายจิรายุกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ การออกมาปะทะคารมกันของพรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำกลุ่มพันธมิตรอย่างรุนแรงนั้น น่าสังเกตว่าเป็นการขยิบตาเหยียบเท้าช่วยกันเรียกรถถังหรือไม่ แต่หากมีการยึดอำนาจรอบนี้อาจจะไม่ง่าย จะเกิดการต่อต้านอย่างหนัก ข้าราชการและประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจะลุกขึ้นมาสู้ อาจนำไปสู่สงครามกลางเมืองได้
ที่มา.มติชนอออนไลน์
****************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น