--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพุธที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2554

ปัญหาประชาธิปไตยและการกระทำอันโง่เขลาของคนกลุ่มหนึ่ง

เมื่อเดือนมิถุนายน 2553 ไม่กี่อาทิตย์หลังจากเหตุการณ์สังหารหมู่ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 90 ราย และมีนายอภิสิทธิ์คนสั่งการได้คุยโวถึง “แผนปรองดอง” ของเขา

เวลาผ่านมากว่า 6 เดือน จนมาถึงต้นปี 2554 นับตั้งแต่ “แผนการ” ดังกล่าวถูกร่างขึ้น อาจจะเป็นเวลาอันเหมาะสมที่จะตัดสินว่าแผนการ “ปรองดอง” ของนายอภิสิทธิ์นั้นประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน
คำตอบสั้นๆและชัดเจนคือ “ไม่ประสบความสำเร็จอย่างสิ้นเชิง”

ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่รัฐไม่ต้องรับผิดต่อการกระทำของตน โดยหากพิจารณาจากคำพูดล่าสุดของรองนายกรัฐมนตรีสุเทพ จะพบว่าเขากลัวทั้งการเลือกตั้งและการชุมนุมอย่างต่อเนื่องของคนเสื้อแดง และแทนที่จะพยายามสร้างความปรองดอง แต่รัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์กับพรรคพวกในดีเอสไอกลับหมกมุ่นอยู่การแผนการอันเลวร้ายพยายามปกปิดข้อเท็จเรื่องการสังหารประชาชน ในขณะเดียวกันยังคงคุมขังคนเสื้อแดงนับร้อย และเวปไชต์อีกหลายแสนเวปไซต์ยังคงถูกเซ็นเซอร์

แต่ในปีใหม่นี้ ประเทศไทยจะถูกนำพาไปในทิศทางใด? แน่นอนว่ารัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ที่ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่สามารถนำพา “ความปรองดอง” ที่แท้จริงมาสู่ประเทศได้

ตั้งแต่เริ่มเข้าสู่ปี 2554 ประเทศไทยให้ความสนใจกับการกระทำของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เพื่อนร่วมงานของนายอภิสิทธิ์ และสมาชิกกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติเพียงไม่กี่คน (กลุ่มพันธมิตรหัวรุนแรง) คนเหล่านี้ถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่กัมพูชา เพราะบุกรุกเข้าไปในเขตแดนของกัมพูชาอย่างผิดกฎหมาย
การกระทำดังกล่าวนอกจากจะทำให้เกิดเรื่องระหว่างประเทศแล้ว  ยังเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาในการสร้างประชาธิปไตยที่ยั่งยืนในประเทศไทยไปเป็นเรื่องความโง่เขลาของกลุ่มคนหัวรุนแรงเพียงไม่กี่คน คำถามคือ ประชาชนคนไทยควรจะถูกกลุ่มคนส่วนน้อยที่ไม่มีสมองและชอบก่อปัญหาเหล่านี้เบี่ยงเบนความสนใจไปอีกนานเท่าไร?

ที่มา.ประเทศไทย Robert Amsterdam

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น