--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2556

คนไม่มีสิทธิ์ !!?


โดย สุชาฎา ประพันธ์วงศ์

น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้กากบาทเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในวันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2556 เนื่องจากย้ายสำมะโนครัวออกจากชาวเมืองหลวงไปเป็นคนชานเมืองที่มีรั้วชิดติดกันแต่ไม่มีสิทธิ์ ได้แต่เฝ้าติดตามการลงพื้นที่หาเสียงของผู้สมัครที่ขยันขันแข่ง เข้าใจงัดกลเม็ดแพรวพราวเรียกเรตติ้งกันน่าดู แม้บางครั้งจะกลายเป็นตัวตลกก็ไม่สน ขอให้เป็นข่าวก็พอเพื่อขอคะแนนจากจำนวนผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งหมด 4,333,157 คน (ชาย 1,997,113 คน หญิง 2,336,044 คน)

มาดูวิธีหาเสียงที่เหนือธรรมชาติของแต่ละคนกัน ไม่ว่าจะเป็นคุณชาย (ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.เบอร์ 16) และอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ (พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เบอร์ 9) ที่เดินดินกินข้าวแกง กลายเป็นภาพสงวนที่จะได้ชมเฉพาะช่วงหาเสียงเท่านั้น ส่วนกิริยามารยาทนี่ไม่ต้องพูดถึง ไหว้ทุกที่ทุกคนตั้งแต่ปากซอยยันท้ายซอย แม้แต่เสาไฟฟ้าก็ยังไหว้ได้ เป็นเรื่องธรรมดาสามัญของผู้สมัครไปเสียแล้ว

ลองมาดูสโลแกนหาเสียงของแต่ละคนก็ไม่ธรรมดา พล.ต.อ.พงศพัศ อดีตโฆษก สนง.ตำรวจแห่งชาติ ชูการทำงาน "อย่างไร้รอยต่อ" มีแฟนคลับช่วยโปรโมตต่อว่า คนไทยได้หลับเต็มตื่นนอนหลับสบายอย่างแน่นอน ส่วนคุณชายคลอดสโลแกนรักโลก "รักกรุงเทพฯ ร่วมสร้างกรุงเทพฯ" เรียกคะแนนเสียงจากคนกรุงฐานเสียงเดิมแบบเข้าใจกัน ไม่ต้องพูดอะไรมาก

แต่คนที่พลิกวิกฤตเป็นโอกาส มองเห็นช่องทางโปรโมตตัวเองจากกรณี 2 แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ รีบช่วงชิงนำเสนอตัวเองเป็นผู้สมัครอิสระ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เบอร์ 11

ผู้สมัครแห่งความปรองดอง บอกว่า "เลือกประชาธิปัตย์ก็ทะเลาะกับเพื่อไทย ถ้าเลือกเพื่อไทยท่านตรวจสอบได้หรือไม่...แต่ผมตรวจสอบได้"

ครั้นกลับมาดูโพลสำรวจความเห็นของคนกรุงแล้ว สิ่งที่ชาวบ้านอยากเห็นผู้ว่าฯแก้คือ ปัญหาปากท้อง สินค้าราคาแพง และปัญหารถติด และยังชื่นชอบผู้สมัครที่สังกัดพรรคการเมือง มากกว่าผู้สมัครอิสระ

ส่วนบรรยากาศที่สร้างสีสันให้การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.คึกคักเป็นพิเศษในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กที่สร้างหน้าเพจเชียร์และแช่งกันอย่างสนุกสนาน รักใครชอบใครก็กด Like แต่จะเลือกหรือไม่นั้นอีก

เรื่องหนึ่ง และคอยลุ้นคอยเชียร์ว่าใครจะชนะ

ไม่เหมือนกับ "กรณ์ จาติกวณิช" เอาตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค ภาค กทม.เป็นเดิมพันหาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์แพ้การเลือกตั้งในครั้งนี้ ดังนั้นคุณชายจึงแพ้ไม่ได้

เช่นเดียวกับกองเชียร์แต่ละฝ่ายต่างพากันออกมาตีฆ้องร้องป่าวราวกับจะไปออกรบ แสดงวิสัยทัศน์เฉียบคมแบบเชือดเฉือนสติปัญญาผู้อื่นประหนึ่งว่าคิดได้อยู่คนเดียว ใครที่คิดต่างจากนี้ไม่ใช่คนกรุงเทพฯ

โดยลืมไปว่า กรุงเทพมหานครเมืองฟ้าอมรที่ฉาบไว้อย่างสวยหรูนั้นเป็นเพียงฉากหน้าบังความสกปรกโสมมที่หมักหมมกันมายาวนาน ควรถึงเวลาทำความสะอาดครั้งใหญ่ได้แล้ว

แต่ด้วยระยะเวลาการทำงาน 4 ปีของผู้ว่าฯ กทม. แทบมองไม่เห็นแสงที่ปลายอุโมงค์ว่าใครจะลุยเข้าใส่ปัญหากล้าแก้แบบไม่หวงและห่วงคะแนนนิยม กล้าขยับเขยื้อนยอมเจ็บตัวบ้าง เพราะการเปลี่ยนแปลงย่อมต้องเกิดแรงเสียดทานเป็นเรื่องปกติ

ดูเหมือนทุกพรรคและทุกคนจะพยายามประคองคะแนนนิยมของตนเองไม่ให้หกกระเด็นออกจากแก้ว แล้วแบบนี้ความหวังจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของ กทม.คงต้องฝันกันต่อไป

เพราะในสนามเลือกตั้งตอนนี้มีแต่ พระเอก นักบุญ มารยาทงาม ที่เดินขายฝันให้คนกรุงเทพฯ กราบกรานขอคะแนนเพื่อเข้าไปนั่งเก้าอี้ผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร

สุดท้ายก็ความจำสั้น จำไม่ได้ว่าสัญญาอะไรไว้บ้าง

ส่วนหน้าตาผู้ว่าฯ กทม.จะเป็นอย่างไรนั้น ขอฝากความหวังไว้ที่ชาวกรุงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกว่า 4 ล้านคน ช่วยกากบาทเลือกผู้แทนเผื่อคนที่อพยพเข้ามาใช้ชีวิตในเมืองหลวง แต่ไม่มีสำมะโนครัวจำนวนมากกว่าคนมีสิทธิ์เลือกตั้งถึง 2 เท่าด้วยละกัน

ที่มา.ประชาชาติธุรกิจ
///////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น