เมื่อเวลา 02.30 น. วันที่ 19 มกราคม พ.ต.ท.อุดรชัย ขุนพินิจ สวป.สน.หัวหมาก ได้รับแจ้งมีเหตุทำร้ายร่างกาย ที่บริเวณปากซอยรามคำแหง 24 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและปราบปรามรุดไประงับเหตุ
ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบกลุ่มชายจำนวน 3 คนพกอาวุธปืนและกำลังจะทำร้ายร่างกายนายปรัชญา รู้หลัก อายุ 19 ปี วินจักรยานยนต์ ภายในซอยดังกล่าว จึงนำกำลังเข้าล้อมบังคับให้วางอาวุธ ก่อนช่วยเหลือนายปรัชญาออกมาได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดมาที่ สน.ทันที นอกจากนี้ ยังพบว่า มีผู้บาดเจ็บที่ถูกทำร้ายก่อนหน้านี้ไปทำแผลที่โรงพยาบาลรามคำแหง คือ นายอนุชา ห่วงพิมล อายุ 25 ปี ถูกอาวุธปืนตบเข้าที่หน้า เป็นเหตุให้คิ้วซ้ายแตก ปากฉีก และฟันหักหน้าช้ำ
พ.ต.ท.อุดรชัย กล่าวว่า จากการสอบสวนพบว่า กลุ่มชายที่ถูกควบคุมตัวมีทั้งหมด 3 คน ชื่อนายสมปอง คำอ่อน อายุ 31 ปี ข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ตำแหน่งนิติกรปฏิบัติการสำนักอำนวยการประจำศาลฎีกา พร้อมของกลางคือ อาวุธปืนขนาด 11 มม. เครื่องกระสุนปืนจำนวน 16 นัด คนที่ 2 ชื่อนายอัฐพล เพ็ญภูเวียง อายุ 25 ปีและนายรชต กลิ่นสว่าง อายุ 33 ปีซึ่งมีของกลางคือ อาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ พร้อมเครื่องกระสุน 2 นัด โดยทั้งนายอัฐพลและนายรชตมีอาชีพขับวินจยย.ในซอยเกิดเหตุ
นายอนุชา ผู้ได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า ตนขับวินจยย.ที่อยู่ในซอยจุดเกิดเหตุ โดยตนรู้จักกับนายอัฐพลและนายรชต เพราะขับวินเดียวกัน ก่อนหน้านี้ได้ทะเลาะกับทั้งสอง เรื่องการจอดรถจยย.ที่ทั้งคู่ชอบจอดรถไม่เป็นที่เป็นทาง ทำให้รถที่สัญจรผ่านไปผ่านมาในถนนรามคำแหงต้องคอยหลบรถจยย.ที่จอดไม่เป็นระเบียบ เป็นเหตุให้การจราจรติดขัด โดยได้ตักเตือนหลายครั้ง จนกระทั่งช่วงก่อนเกิดเหตุ พวกตนกำลังขับวินอยู่ ส่วนทางกลุ่มผู้ต้องหานั่งดื่มเหล้าอยู่บริเวณใกล้เคียง ก่อนที่นายสมปอง ซึ่งตนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จะเดินเข้ามาหาตนแล้วควักปืนออกมาตบเข้าที่หน้าตนทันที เป็นจำนวนหลายครั้ง ทำให้ได้รับบาดเจ็บ ทางเพื่อนจึงได้พาตัวส่งรพ.ทันที ส่วนนายปรัชญา ถูกขู่ด้วยอาวุธปืนและทางกลุ่มผู้ต้องหาไม่ยอมให้หลบหนี จนมีเพื่อนในวินรีบไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาช่วยระงับเหตุดังกล่าวและพาตัวนายปรัชญาออกมาจากวงล้อมได้
เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดให้การภาคเสธ อ้างว่าไม่ได้ทำร้ายร่างกายผู้บาดเจ็บ แต่นายสมปอง ยอมรับว่าปืนดังกล่าวเป็นของตนจริง ทางเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่มีใบอนุญาต พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรและกักขังหน่วงเหนี่ยวบังคับจิตใจผู้อื่นนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่เจ้าหน้าที่ไประงับเหตุ นายสมปองอ้างตนว่าเป็นอัยการ และพูดจาว่า หากถูกจับไปก็ต้องปล่อย พร้อมทั้งขู่ว่าจะย้ายตำรวจสน.หัวหมากทั้งสน.อีกด้วย ด้วย
ที่มา.มติชนออนไลน์
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น