--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2556

พลิก ร.ฟ.ท. 6 เดือน เห็นผล !!!


ผู้ว่าการการรถไฟฯ คนใหม่ไฟ แรง ลุยปรับปรุงกิจการรถไฟขนานใหญ่ ลั่น ภายใน 6 เดือนได้เห็นโฉมใหม่ไฉไลกว่า เดิมแน่ ทั้งคุณภาพและบริการ เผยกำลงเร่งจัดหา “หัวรถจักร-โบกี้” ภายใน 2 ปี หวังเรียกความเชื่อมั่นคืนหลังคนเริ่มใช้บริการน้อยลง พร้อมคัดสรรพนักงานที่มีอุดมการณ์เดียวกันพัฒนารถไฟอย่างจริงจัง ย้ำคนรถไฟมีความสามารถแต่ต้องเดินหน้าอย่างมืออาชีพ เลิกเล่นการเมือง เชื่อรถไฟไทยกระเตื้องแน่

นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. เปิดเผย ว่า ภายใน 6 เดือนนี้ ตนจะเร่งปรับปรุงคุณภาพการบริการของรถไฟ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นคืนมา เนื่องจากปัจจุบันการเดินทางโดยรถไฟขาดความเชื่อมั่นในด้านตรงต่อเวลา ทำให้ผู้โดยสารลดลงเรื่อยๆ จากอดีตมีปริมาณผู้โดยสารโดยรวม 54 ล้านคนต่อปี ลดเหลือเพียง 45 ล้านคนต่อปี และมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ตนจึงอยากเรียกความเชื่อมั่นนั่นกลับมาเหมือนในอดีต ทั้งนี้สาเหตุที่การเดินทางด้วยระบบรถไฟไม่ตรงต่อเวลา เนื่องจากต้องรอสับหลีก และมีจุดตัดกับถนนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งสภาพรถไฟเก่าและมีจำนวนไมเพียงพอต่อการให้บริการ

สำหรับการปรับปรุงการให้บริการ ขณะนี้การรถไฟฯ อยู่ระหว่างการทำแผนปรับปรุงการให้บริการ และความสะอาด โดยมีแผนที่จะล้างทำความสะอาดรถทุกขบวน ขบวนไหนดูเก่าก็จะมีการทาสีใหม่ให้สดใสสวยงามน่าโดยสาร เรียกว่าจะปรับโฉมทั้งภายในและภายนอกให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งการรถไฟฯ สามารถทำได้ทันทีโดยไม่ต้องรองบประมาณจากภาครัฐ และผู้โดยสารเองก็ต้องการได้รับบริการที่ดีขึ้น สะอาด สะดวก โดยจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เชื่อว่าไม่เกิน 6 เดือนจะเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น

ส่วนการปรับปรุงโครงสร้างรางให้มีความแข็งแรง การจัดหาหัวรถจักร ขบวนรถไฟ และแคร่สินค้า เพื่อที่จะนำมาให้บริการที่มีความตรงเวลา ปลอดภัยและเพียงพอต่อการบริการนั้น โดยจะเร่งจัดซื้อจัดจ้างให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี ซึ่งต้องขอให้กระทรวงการคลังสนับสนุนและประสานความร่วมมือในการจัดสรรงบประมาณ ตามกรอบวงเงินที่ครม.อนุมัติไว้แล้ว 176,000 ล้านบาท ตามแผนจึงจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายเช่นกัน

นายประภัสร์ กล่าวว่า กรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม”ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ได้ให้นโยบายแก่ ร.ฟท.ให้เตรียมพนักงานเพื่อที่จะเดินหน้าไปพร้อมกับรัฐบาลนั้น เบื้องต้นจะต้องสรรหาคนในองค์กรที่มีอุดมการณ์เดียวกัน คือ เร่งพัฒนาการรถไฟอย่างจริงจัง และมีความจริงใจที่จะร่วมกันพัฒนาจริงๆ แต่ต้องอยู่ภายใต้ธรรมาภิบาล คือ ต้องโปร่งใส ซื่อสัตย์ ยุติธรรม และไม่ทุจริต ซึ่งเชื่อว่า คนรถไฟมีความสามารถเยอะ แต่ที่หมดไฟไปเนื่องจากไม่มีใครเคยเข้ามาดูแลอย่างจริงจัง

“อยากจะวางรากฐานการรถไฟฯให้มั่นคงอย่างยั่งยืนตลอดไป เพราะผมก็เหลือเวลาบริหารงานอีกไม่นาน ถ้าสามารถอยู่อย่างยั่งยืนได้ก็เป็นเรื่องที่ดีต่อประเทศไทย แต่ถ้าหมดยุคผมไปแล้วสถานการณ์กลับมาเหมือนเดิมประเทศก็จะเสียหายเหมือนเดิม ซึ่งอย่างลืมว่า รถไฟเป็นดังเส้นเลือดใหญ่ของระบบลอจิสติกส์ของประเทศ ซึ่งรัฐบาลก็ให้ความสำคัญกับระบบลอจิสติกส์มาก”

ส่วนความกังวลเรื่องสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟฯ จะไม่เห็นด้วยนั้น ตนไม่เป็นห่วงในเรื่องนี้ เพราะว่าพนักงานการรถไฟฯทุกคนก็อยากให้องค์กรกลับไปมีหน้ามีตาเหมือนในอดีตที่พ่อหลวง ร.5 เคยสร้างเอาไว้ จนเป็นที่ภาคภูมิใจของคนไทยทุกๆคน แต่ระยะหลังมีเรื่องการเมืองเข้ามาแทรก และถูกดึงเข้าไปร่วมกับสถานการณ์ต่างๆจนบ้างครั้งต้องตกไปเป็นจำเลยสังคม จนส่งผลด้านลบกลับมายังองค์กร

“พนักงานการรถไฟฯจะต้องไม่เข้าไปยุ่งเรื่องการเมืองเหมือนในอดีต แต่ก็สามารถชื่นชอบตามอุดมการณ์ของตนเองได้เหมือนเดิม แต่ทุกอย่างต้องไม่นำองค์กรเข้าไปยุ่งด้วย เพราะองค์กรของเราต้องสร้างความเป็นมืออาชีพ ซึ่งไม่ใช่อาชีพการเมือง และอย่าลืมว่า รถไฟไทย มีประชาชนฝากความหวังไว้กับเราเยอะมาก”

ที่มา.สยามธุรกิจออนไลน์
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น