--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2556

เศรษฐกิจเอเชี ยส่งสัญญาณฟื้นตัวรับปี 2013


ในช่วงเริ่มต้นของปีพ.ศ. 2556 นี้ เศรษฐกิจเอเชียกำลังแสดงสัญญาณแห่งการฟื้นตัว

โดยข้อมูลตัวเลขเกี่ยวกับการผลิตและอัตราการเติบโตกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้จะมีความไม่มั่นใจในระยะสั้นเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจในสหรัฐอยู่บ้าง

ผลสำรวจ เผยว่า ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในประเทศ อย่าง เกาหลีใต้ ไต้หวัน อินเดีย และจีน ได้ออกมาแสดงความเห็นพ้องต้องกันว่า ภาคการผลิตในเอเชียกำลังเร่งเครื่องขึ้นหลังจากความซบเซาเมื่อปีที่แล้ว ข่าวดังกล่าวสร้างความมั่นใจว่า เอเชียจะรอดพ้นจากวิกฤตในแบบที่ยุโรปและสหรัฐฯ กำลังเผชิญอยู่

ธุรกิจการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่กำลังฟื้นฟูเป็นสิ่งที่น่าจับตามอง โดยเป็นการพัฒนาที่มีความสำคัญอย่างมากกับประเทศอย่าง เกาหลีใต้และไต้หวัน และแม้ประเทศ G-3 อันได้แก่ สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น จะไม่มีความต้องการในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก็เป็นตัวชี้ให้เห็นว่าการใช้งานในประเทศจะมีความมั่นคงมากขึ้น เเละจะช่วยผู้ผลิตในพื้นที่ให้รอดพ้นจากการชะลอตัวของธุรกิจ

HSBC ออกมาประกาศว่า ดัชนี PMI ในเกาหลีใต้ปรับขึ้น 50.1 จุดในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยเพิ่มจาก 48.2 จุดในเดือนพฤศจิกายน และ 47.4 จุดในเดือนตุลาคม สำหรับไต้หวัน ดัชนี PMI ในเดือนธันวาคมอยู่ที่ 50.6 จุด และอินเดียที่ 54.7 จุด จีนเองก็มี ดัชนี PMI อยู่ที่ 51.5 จุด แม้จะต้องปะทะกับปัญหาจากความอ่อนแอของเศรษฐกิจทั่วโลกก็ตาม การดีดตัวของตัวเลขเกิน 50 เป็นการแสดงให้เห็นถึงการขยายตัวอย่างมากของภาคการผลิตในเอเชีย

หุ้นของเอเชียปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากข้อมูลและข่าวที่ว่ารัฐสภาสหรัฐฯ มีมติผ่านร่างกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงหน้าผาการคลัง ทว่าร่างกฎหมายดังกล่าวยังคงมีความคลุมเครือ และหากมองข้ามวิกฤตหน้าผาการคลังนี้ไป จะพบว่าเศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในสถานะที่มั่นคงขึ้นกว่าเมื่อ 12 เดือนที่แล้ว

ปัญหา ซึ่งเคยคาดว่าจะเป็นการคุกคามต่อเศรษฐกิจโลกในปีที่แล้ว เช่น ความกังวลว่าเศรษฐกิจจีนอาจจะมีการพังครืนอย่างฉับพลัน วิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป และสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในสหรัฐฯ ได้หายไปเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังฟื้นตัว

สิงคโปร์ ซึ่งเปรียบเสมือนผู้มีอิทธิพลในเศรษฐกิจเอเชีย เพราะบทบาทในการค้าโลก ได้ออกมาประกาศว่า GDP ของประเทศโตขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปีพ.ศ.2555 หลังจากที่ดิ่งลงอย่างต่อเนื่องในทั้งสามไตรมาสแรก โดยเพิ่มขึ้น 1.8% ทั้งนี้ก็ยังมีจุดบกพร่องในภูมิภาคเช่นกัน โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตของอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และเวียดนามได้ร่วงลง

ข้อมูลจากไทยและอินโดนีเซีย ชี้ให้เห็นว่า ภาวะเงินเฟ้อในเดือนธันวาคมยังคงอยู่ในระดับที่จัดการดูแลได้ อาจจะเนื่องมาจากที่ธนาคารกลางของทั้งสองประเทศมีนโยบายทางการเงินที่ช่วยสนับสนุนการเติบโต โดยดัชนีราคาผู้บริโภคในไทยปรับขึ้น 3.63% ในเดือนธันวาคม จาก 2.74% ในเดือนพฤศจิกายน แต่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารและค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่มีความผันผวน ได้ลงลดเหลือ 1.78% จาก 1.85%

ดัชนีราคาผู้บริโภคของอินโดนีเซีย เพิ่ม 4.30% จากปีก่อน อย่างไรก็ตาม ภาวะเงินเฟ้อในอินโดนีเซียยังคงน่าเป็นห่วง การขึ้นราคาอาจจะยังดูไม่อันตราย แต่ปีนี้ราคาค่าไฟจะมีการปรับตัวสูงขึ้น เช่นเดียวกันการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจจะทำให้ธนาคารกลางของอินโดนีเซียตัดสินใจตรึงราคาต่างๆ เอาไว้ก่อน

ที่มา.กรุงเทพธุรกิจ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น