ความขัดแย้งที่ดำรงอยู่ในสังคมไทยปัจจุบัน มีรากเหง้ามาจากการขัดกันของแนวความคิดที่จะรักษาอำนาจของฝ่ายอนุรักษ์นิยมฝ่ายหนึ่ง กับฝ่ายหนึ่งที่ต้องการจะเห็นชาติบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง
มิใช่ประชาธิปไตยจอมปลอมหรือครึ่งใบอย่างที่ดำรงอยู่
ฝ่ายแรกมีพันธมิตรและกลุ่มหน้าเดิมที่ต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และขณะนี้มี น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เป็นหัวเรือใหญ่ อีกฝ่ายเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงที่นับวันจะมีพลังเติบใหญ่เหมือนยักษ์ที่หลุดออกมาจากตะเกียงวิเศษ
ทั้งสองฝ่ายมีมุมมองต่อสถานการณ์บ้านเมืองที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม โดยทางการเมืองนั้น
ฝ่ายแรกมองว่ารัฐบาลและตัวคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะถูกประชาชนขับไล่ถึงขั้นไม่มีแผ่นดินอยู่ ซึ่งเป็นความเห็นที่ต่างกับบรรดาผู้นำของกองทัพในปัจจุบันที่มองว่า ประชาชนมีความพอใจรัฐบาลและตัวนายกรัฐมนตรี
พ้นจากปัญหาทางการเมือง มองไปทางด้านเศรษฐกิจ ก็เป็นการมองต่างมุมที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงเช่นเดียวกัน
ฝ่าย คุณประสงค์ สุ่นศิริ เห็นว่า นโยบายของรัฐบาลกำลังจะทำให้ชาติบ้านเมืองล้มละลาย ถึงกาลพินาศ ปล่อยไว้ไม่ได้ แต่ความเห็นนี้ต่างกับความเห็นของคนที่น่ารับฟังของประเทศ
คนหนึ่งคือ คุณธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าสัว ซีพี.มหาเศรษฐีอันดับต้นๆของไทยเราที่มองว่า...ปีนี้เป็นโอกาสทองของประเทศไทยที่จะร่ำรวย เติบโตอย่างมั่งคั่ง
โดยประเทศไทยมีจุดแข็งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพราะไม่มีปัญหาเรื่องการเงิน มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ และมีโอกาสสูงยิ่งที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะเติบโตเช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอื่นๆ
อีกคนหนึ่งคือ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร นักเศรษฐศาสตร์ที่ทุกคนยอมรับนับถือ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่มองว่า...ปี ๒๕๕๖ นี้ ประเทศไทยน่าจะเจริญเติบโตมากกว่าที่คาดคิด ทั้งปัจจัยของเศรษฐกิจจีนที่ยังขยายตัวในอัตราสูง
ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มลดลง การเปิดประเทศของเมียนมาร์ที่ไทยได้ประโยชน์เต็มๆ กับยุทธศาสตร์การพัฒนาของภูมิภาคที่มีการเชื่อมโยงกัน และเศรษฐกิจไทยเราเองฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาด
ก็เป็นการมองต่างมุมที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ระหว่างฝ่ายที่อยากจะเห็นรัฐบาลถูกโค่นล้ม กับฝ่ายที่เห็นว่า รัฐบาลบริหารประเทศไปในทิศทางที่ถูกต้อง
เป็นการมองอย่างสร้างสรรค์ กับมองอย่างทำลาย
โดย. ศรี อินทปันตี,บางกอกทูเดย์
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น