--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556

ครม. ปู-4 !!?


ต้องขอไว้อาลัยกับการจากไปของนักการเมืองคนสำคัญ "ชุมพล ศิลปอาชา"รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ได้ถึงแก่อนิจกรรมลง  ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งถือเป็นการสูญเสียบุคคลสำคัญของการเมือง
   
และดูเหมือนว่า ภายหลังจากการสูญเสียรัฐมนตรีคนสำคัญของพรรคชาติไทยพัฒนา ผู้ซึ่งเป็นน้องชายที่มีความใกล้ชิดของ "บรรหารศิลปอาชา" ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ในครั้งนี้ได้กลายเป็น ไฟต์บังคับส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองตามมา !
   
เพราะทันทีที่ "เก้าอี้ว่าง" ในครม. ถึงสองตำแหน่งในโควตาของพรรคชาติไทยพัฒนา ได้กลายเป็น"ชนวน" นำมาซึ่งแรงกระเพื่อม ส่งไปยังพรรคเพื่อไทยทันทีว่าการปรับครม."ยิ่งลักษณ์ 4" กำลังจะมาถึงแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีแกนนำจากพรรคเพื่อไทย บางส่วนได้พยายามเคลื่อนไหวให้มีการปรับเปลี่ยนบางตำแหน่งในครม. โดยอ้างเรื่องปัญหาสุขภาพของ ชุมพล
   
แต่สุดท้ายดูเหมือนความพยายามของคนกลุ่มดังกล่าวจะไม่เป็นผลเพราะนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ยอมตอบสนอง ขณะที่ฟากบรรหารเจ้าของพรรคชาติไทยพัฒนาเองประกาศลั่นว่า ยังไม่ถึงเวลา !
   
ดังนั้นเมื่อวันนี้สถานการณ์แปรเปลี่ยนไปเก้าอี้ในครม.ว่างลงกะทันหันจึงทำให้"ใคร"ก็ตามที่เฝ้ารอคอยจังหวะและโอกาส ย่อมประเมินแล้วว่า นี่คือโอกาสเปิดเกม "เก้าอี้ดนตรี"รอบใหม่ โดยเฉพาะในส่วนของพรรคเพื่อไทยเอง
   
ทั้งนี้ได้เคยระบุเอาไว้แล้วว่า ท่ามกลางการเคลื่อนไหวทางการเมือง ในประเด็นต่างๆ ทั้งส.ส.เพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง ทั้งด้วยการผลักดันให้มีการแก้รัฐธรรมนูญ ไปจนถึงเรื่องพ.ร.ก.นิรโทษกรรมให้กับผู้ชุมนุมทางการเมืองทุกสีเสื้อแล้วยังมีส.ส.และแกนนำในพรรคบางส่วนที่หันไปโฟกัสในเรื่องของตำแหน่งรัฐมนตรีกันแทน
     
ว่าเก้าอี้ตัวใดกระทรวงใดถึงเวลาที่สมควรจะมีการปรับเปลี่ยนเวียนให้"แกนนำ"จากกลุ่มอื่นๆ ในพรรคได้เข้าไปทำหน้าที่กันบ้าง
     
และดูเหมือนว่า"ความหวัง" ดังกล่าวนี้มีที่มาจากการที่"เจ้าของพรรค" อย่างพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกฯได้เคยรับปากเรื่องของการปูนบำเหน็จ ตบรางวัล เอาไว้ทั้งสิ้น !
     
เมื่อสัญญาณของ "ยิ่งลักษณ์ 4"กำลังแจ่มชัดขึ้น แม้อาจยังไม่ใช่ภายในวันสองวันนี้ก็ตาม แต่อย่างน้อยที่สุดหลายคนในพรรคเพื่อไทย ประเมิน ว่าเมื่อเสร็จศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ไปแล้ว ความชัดเจนเรื่องการจัดสรรตำแหน่ง ในส่วนของพรรคเพื่อไทยก็น่าจะเป็นรูปธรรมขึ้น
     
อย่างไรก็ดี หากมองในส่วนความเคลื่อนไหวเฉพาะโควตาของพรรคเพื่อไทยนั้น มีความเป็นไปได้ว่าการปรับครม. เพื่อเปลี่ยนเก้าอี้บางตัว หากมีขึ้นหลังจบศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ไปแล้วนั้น ย่อมกลายเป็นการเดินหมากอีกชั้นหนึ่งภายในพรรค
     
นั่นคือการบีบให้ทุกกลุ่ม ทุกก๊วนต้องร่วมมือร่วมใจ "สงบศึก" เพื่อจับมือผลักดันให้พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครของพรรค สามารถชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ให้ได้สำเร็จเสียก่อน
     
และในอีกด้านหนึ่งยังเป็นการ"ประเมินผลงาน"ของกลุ่มการเมืองในพรรคเองบางกลุ่มว่ามีราคาเพียงพอที่จะได้มีโอกาส"อยู่ต่อ"ในครม."ยิ่งลักษณ์ 4"หรือไม่ ?
     
ย้อนกลับมาดูความเคลื่อนไหวทางฟากของพรรคชาติไทยพัฒนา ต่อปมประเด็นเรื่องของการปรับครม.นั้นแม้ที่ผ่านมา บรรหาร จะเชื่อมั่นว่าตนเองสามารถบริหารจัดการงานที่มีอยู่ในมือได้เป็นอย่างดี เพราะที่ผ่านมาทั้ง"คน" และ"งาน" ในกระทรวงที่พรรคชาติไทยพัฒนา ดูแล ก็เป็นไปอย่างเบ็ดเสร็จ "บิ๊กเติ้ง" ทำงานประหนึ่ง"รัฐมนตรีตัวจริง"
     
ทว่าในสภาพความเป็นจริงแล้วปัญหาที่บรรหารและพรรค ต้องเผชิญหน้าและต้องหาทางฝ่าวงล้อมออกไปให้ได้โดยเร็วที่สุด คือการแก้สมการที่ว่าทำอย่างไร"การล้วงลูก"จากนายกฯ ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทยในเรื่องของการท่องเที่ยวและด้านกีฬาจะไม่เกิดขึ้น
     
ว่ากันว่าสภาพการณ์ดังกล่าวนั้นมีขึ้นมาโดยตลอด นับตั้งแต่ก่อนหน้าที่ชุมพลจะป่วยกะทันหัน และยิ่งนานวัน ยิ่งพบว่าปัญหาที่ว่านั้นได้ลุกลามบานปลายมากขึ้นตามลำดับ จนเป็นเงื่อนไขที่บีบให้บรรหารต้องเร่งตัดสินใจ
     
อาการนิ่งเฉย ไม่ต้องการตอบสนองเรื่องการปรับครม.ของนายกฯยิ่งลักษณ์ไปจนถึงคนที่อยู่ต่างประเทศอาจสะท้อนได้ในหลายด้าน
   
ด้านหนึ่ง เพราะยังไม่ต้องการเปิดศึก สร้างแรงกระเพื่อมขึ้นภายในพรรค รอจนกว่า "ศึกกทม." จะยุติลงไปเสียก่อน
   
และอีกด้านหนึ่ง ยังกลายเป็นว่ายิ่งยืดระยะเวลาในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งผู้เล่นในครม.มากเท่าใด ยิ่งง่ายต่อการล้วงลูก "งาน" ในมือพรรคร่วมรัฐบาลมากเท่านั้น!


ที่มา.สยามรัฐ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น