สัมภาษณ์ นายชัยสิทธิ สุขสมบูรณ์ ที่ปรึกษาสหภาพธ.กรุงเทพ เรื่อง ม็อบพนักงาน "แบงก์กรุงเทพ" ขอโบนัสเพิ่มจาก2เดือน เพิ่มเป็น4เดือนและปรับขึ้นเงินเดือนอีก6% หลังจากธนาคารมีผลกำไรกว่า3หมื่นล้านบาท เพื่อส่งสัญญาณไปถึงคณะผู้บริหารชั้น 26 ของธนาคารกรุงเทพ
ถาม : สถานการณ์ล่าสุดเป็นอย่างไรบ้าง
ตอบ : สถานการณ์ล่าสุดก็ได้มีการเดินขบวนสะท้อนของเราเพื่อส่งสัญญาณไปถึงผู้บริหารชั้น 26 ให้ลงมารับฟังปัญหาด้วยตนเอง เพราะนั่งฟังแต่รายงานด้านเดียวก็คงจะมองไม่เห็นความเดือดร้อนของพนักงาน ตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรเคลื่อนไหวนอกจากว่า วันพฤหัสนี้เราจะต้องไปที่กระทรวงแรงงานเพื่อทำการไกล่เกลี่ย ก็จะรู้ว่าทางฝ่ายจัดการยังถือธงริคอยู่หรือเปล่าในกรณีที่จะยืนยันว่าที่ธนาคารประกาศเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างโดยพลการ ไม่ผ่านกระบวนการแรงงานสัมพันธ์คือการเจรจา และทำข้อตกลงกับทางสหภาพแรงงาน มันเป็นสิ่งที่มันไม่ชอบธรรม
ถาม : รายละเอียดข้อเรียกร้องมีอะไรบ้างที่ทางพนักงานขอร้อง
ตอบ : รายละเอียดข้อเรียกร้องของเรามีทั้งหมด 14 ข้อ แต่ข้อที่ตกลงกันไม่ได้มันเกี่ยวข้องกัน มันสัมพันธ์กันก็คือเรื่องการเงิน ที่เกี่ยวข้องกันเราเรียกว่า 3 ค. 1ก. 3ค.หมายถึง เราขอคืนของเดิมที่เคยได้รับ แต่ประกาศยกเลิกไปโดยพลการ ไม่ได้ผ่านกระบวนยอมรับ อันแรกก็คือเรื่องการขอคืนเงินบำเหน็จเฉพาะกาล ที่ธนาคารจ่ายให้คนละ 4 แสนบาท ที่คนหลังเกษียณแล้วได้ตัวนี้ ข้อที่ 2 ก็คือขอคืนระบบการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งเดิมเคยจ่ายอัตราเดียว 5.5 และเราขอปรับเพิ่ม อันนี้ประกาศเปลี่ยนโดยพลการเป็นหลายอัตราแล้วส่งผลกระทบ มีพนักงานไม่ได้รับการปรับ คือคนที่เข้ามาไม่เกิน 5 ปีก็ไม่ได้รับ มีประมาณกว่า 6 พันคน นี่ประกาศโดยพลการ และก็ขอปรับปรุงในระบบอันนี้ โดยเช่าธนาคารจะใช้ระบบที่แบ่งเธียร์อย่างนี้ ที่แบ่งตามช่วงอายุงาน ก็ขอให้อิงของธ.ไทยพาณิชย์ซึ่งแบ่งออกไป คนที่อายุงาน 20 ปีขึ้นไปจะได้ 10% ของค่าจ้าง ซึ่งก็สอดคล้องกับอุตสาหกรรมเดียวกันอีกธนาคารหนึ่ง ก็คือ ธ.กรุงศรี จะต้องฝ่ายจัดการเราให้คนที่เข้า 20 ปีขึ้นไปได้แค่ 7% ทั้งๆ ที่กฎหมายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีเพดานสูงสุด 15% และนี่ตั้งมาตั้งหลายสิบปีแล้ว ก็ผ่านกระบวนการเจรจากับเรามาตลอดเรื่องกองทุนสำรองฯ ก็ไปสัมพันธ์กับตัว 4.5 แสน ถ้าธนาคารจะยกเลิกตัว 4.5 แสน ก็ต้องเกลี่ยตรงนี้มาชดเชยเพื่อมันจะได้คัฟเวอร์กัน แต่ธนาคารก็ไม่ทำ ธนาคารก็ใช้วิธีการประกาศโดยพลการ ข้อที่ 3 คือเรื่องโบนัส โบนัสนี่ก็เป็นเรื่องที่ธนาคารเคยให้โบนัสเราในอดีต 5-6 เท่า แต่ช่วงวิกฤติธนาคารก็เอาโบนัสบางส่วนเข้าเป็นเงินเดือนไปแล้ว
ถาม : แต่ก่อนเคยให้โบนัสกี่เดือน
ตอบ : เบื้องต้นเราก็ตกลงกันว่า หลังวิกฤติแล้วตกลงกันว่าถ้าธนาคารขาดทุนไม่จ่าย แต่ถ้าธนาคารกำไร แต่ยังไม่จ่ายเงินปันผลให้ไป 2 เดือน และก็ได้ 2 เดือนมาตลอด แต่พอปี 51 มีการจ่ายเงินปันผล เราก็ขอให้ธนาคารจ่ายโบนัสเพิ่มให้กับพนักงาน ธนาคารก็บ่ายเบี่ยงไม่เรียกโบนัส แต่ไปเรียกเงินช่วยเหลือพิเศษ 1 เดือน ถ้ารวมกันแล้วเราก็ไม่มายด์ ก็เป็นเงินช่วยเหลือเหมือนกัน แต่เราต้องเรียกร้องทุกปี เงินช่วยเหลือพิเศษปีไหนไม่เรียกร้องธนาคารก็จะไม่ให้ ก็เลยบอกว่าทำไมไม่เป็นโบนัสเสียเลย ก็ขอให้จับตรงนี้เป็นโบนัส แล้วในขณะเดียวกันขณะนี้ธนาคารได้กำไรปี 51 เป็นต้นมาเพิ่มขึ้น ปี 52 ก็จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น 4 พอปี 53 จ่าย 5 ปี 54 ก็จ่าย 6 จ่ายเพิ่มมาเป็น 6 โบนัสก็น่าจะเพิ่มให้เราได้ 2 เดือน หรือช่วยเหลือ 2 เดือน ธนาคารก็ยังยืนยันให้เราเท่าเดิม อันนี้เราเรียกว่าธนาคารแช่แข็ง เราขอคืนของเดิม ไม่ได้ขอใหม่เลย และก็เป็นสัญญาณสัจจะวาจาที่พูดไว้ตอนที่วิกฤติ เรามีข้อตกลงกันอยู่ในอดีต เรามีข้อตกลงที่ค่อนข้างพัฒนาไปแล้ว คือว่าในกรณีที่พนักงานได้ในสิ่งที่ควรได้ ในขณะเดียวกันธนาคารก็เจริญก้าวหน้าไปด้วย นี่คือข้อตกลงที่ไม่มีในกฎหมาย แล้วก็เรียกร้องอย่างนี้ ตอนนี้ธนาคารได้กำไรก้าวหน้า เจริญก้าวหน้าแต่พนักงานกลับไม่ได้สิ่งที่ควรจะได้
และข้อสุดท้ายก็เป็นเรื่องแก้ ตัว ก. คือแก้ตรงนี้ แต่ว่าธนาคารเปลี่ยนระบบงานใหม่ จะเห็นได้ที่สาขาจะมีตำแหน่งลดลง แต่ปรากฏว่าโครงสร้างเงินเดือนของเราเป็นโครงสร้างระบบเก่า ทีนี้พอเป็นระบบเก่ามันก็ไม่ได้มีการเลื่อนชั้น เงินเดือนพนักงานก็ไปชนเพดานขั้นสูงสุด เราก็บอกอย่างนี้ก็ทำงานไปก็ไม่ได้ขึ้นเงินเดือน พอไม่ได้ขึ้นเงินเดือนเราก็บอกต้องขยายเพดานตรงนี้ และควรจะปรับอัตราการขึ้นเงินเดือนประจำปีให้สอดคล้องกับตลาด ตลาดตอนนี้เขาปรับเงินเดือนขึ้นประจำปี 6-10% เราก็ขอให้ปรับตรงนี้ นี่คือข้อเรียกร้องของเรา ทางฝ่ายจัดการบอกว่าฟังดูก็มีเหตุผลก็จะปรับปรุง ที่จริงหน้าที่อันนี้เป็นหน้าที่ของเอชอาร์ แต่ก่อนเราไม่ต้องไปเรียกร้องหรอก เจ้าหน้าที่เอชอาร์ของธนาคารจะดูแลตรงนี้ แต่ปรากฏว่ายุคที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ดูแลเรื่องนี้เลย ทำให้สพภาพฯ ต้องเรียกร้อง อันนี้คือข้อเรียกร้องที่เป็นประเด็นที่ตกลงกันไม่ได้ และพอเป็นไปได้เราก็ต้องไปสะท้อนเพราะเวลาไปสื่อให้ข้างบน ไปสื่อมิติเดียว
ที่มา.กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น