เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๗ กันยายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดี เต็ง เส่ง ได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ค ยกย่อง อองซานซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาติแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย อันเป็นพรรคฝ่ายค้าน ที่ได้ใช้ความพยายามและการให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ต่อนโยบายปฏิรูปประเทศของรัฐบาล
เต็ง เส่ง ซึ่งเป็นผู้นำพะม่าคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับเกียรติให้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ท่ามกลางการจับตามองและเฝ้ารอรับฟังของบรรดาชาติมหาอำนาจทั้งหลาย
ในการกล่าวยกย่อง ออง ซาน ซูจี อย่างเป็นทางการ ประธานาธิบดี เต็ง เส่ง กล่าวว่า...
ในการกล่าวยกย่อง ออง ซาน ซูจี อย่างเป็นทางการ ประธานาธิบดี เต็ง เส่ง กล่าวว่า...
ในฐานะตัวแทนของชาวพม่า เขาขอแสดงความยินดีต่อทุกรางวัลและการยกย่องที่ออง ซาน ซูจี ได้รับระหว่างการเยือนสหรัฐ ซึ่งเป็นผลตอบแทนความพยายามต่อสู้เพื่อสันติภาพอันยาวนานของเธอ และเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการต่อสู้เพื่อดำเนินนโยบายปฏิรูปประเทศต่อไป
ในการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งที่แล้วนี้ ออง ซาน ซูจี ได้ไปรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ และได้รับรางวัลเหรียญทองคำ อันเป็นอิสริยาภรณ์สูงสุดจากรัฐสภาสหรัฐ กับได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ
ภายหลังจากที่ใช้ระบอบเผด็จทหารปกครองพม่ามานาน ๕๐ ปี พม่าก็ได้เปิดทางให้มีการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ ดำเนินโยบายหลายอย่าง ทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วแต่มีขั้นตอน
ทำให้นักวิเคราะห์คาดหมายว่า...พม่าจะมีบทบาทอย่างสำคัญของภูมิภาคในอนาคต โดยมีผลสำคัญส่วนหนึ่งมาจากเอกลักษณ์แห่งความยึดมั่นในชาติของคนพม่า
ทำให้นักวิเคราะห์คาดหมายว่า...พม่าจะมีบทบาทอย่างสำคัญของภูมิภาคในอนาคต โดยมีผลสำคัญส่วนหนึ่งมาจากเอกลักษณ์แห่งความยึดมั่นในชาติของคนพม่า
ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือ นักการเมืองและภาคส่วนต่างๆ ของพม่าไม่ได้ทะเลาะแย่งชิงผลประโยชน์กันเหมือนที่เป็นอยู่ในประเทศไทยเรา พวกเขาช่วยกันทำทุกอย่างและร่วมกันคัดเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประเทศและประชาชน
ออง ซาน ซูจี นั้น หลังจากที่ได้รับการปลดปล่อยจากการถูกคุมขังนานกว่า ๒๐ ปี ก็ได้เดินทางไปเยือนประเทศต่างๆ ทั้งที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา เป็นผลให้มีการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรที่ทั่วโลกมีต่อพะม่าเพิ่มมากขึ้น
มิใช่ไปด่ารัฐบาลปาวๆ อย่างเดียว
หลังการเยือนของ ออง ซาน ซูจี มักจะตามไปด้วยการเยือนของ เต็ง เส่ง เพื่อเจรจาอย่างเป็นทางการแทบทุกครั้ง แสดงถึงการร่วมมือระหว่างฝ่ายค้านกับรัฐบาลในการเจรจากับต่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศพม่าโดยส่วนรวม
หลังการเยือนของ ออง ซาน ซูจี มักจะตามไปด้วยการเยือนของ เต็ง เส่ง เพื่อเจรจาอย่างเป็นทางการแทบทุกครั้ง แสดงถึงการร่วมมือระหว่างฝ่ายค้านกับรัฐบาลในการเจรจากับต่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศพม่าโดยส่วนรวม
สิ่งนี้แหละที่เป็นจุดแข็งอันสำคัญของพลังสร้างชาติของพม่ายุคใหม่
โดย.ศรี อินทปันตี, บางกอกทูเดย์
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น