--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2555

รับจำนำข้าว รัฐบาลระวัง ตายน้ำตื้น !!?

แปลกแต่จริง! บ้านนี้เมืองนี้กำลังมีคนจะเป็นจะตายเพราะชาวนาขายข้าวได้ราคา อันเป็นผลมาจากโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

นักการเมือง นักวิชาการ พ่อค้านายทุน ต่างออกมากดดันให้รัฐบาลล้มเลิกโครงการ

มีทั้งเรียกร้องปรกติ ออกมาให้ข้อมูลเชิงลบ และใช้กฎหมายเพื่อหยุดยั้งการรับจำนำ

ไม่เว้นแม้แต่นายวีรพงษ์ รามางกูร ที่มีตำแหน่งเป็นถึงประธานที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.)

สื่อพาดหัวกันเอิกเกริก “โกร่ง” เตือนรัฐบาลจะพังเพราะจำนำข้าว แม้จะออกตัวว่าไม่อยากให้สัมภาษณ์ เดี๋ยวจะเสียน้ำใจกับคนอื่น ซึ่งได้เขียนไปแล้วส่งให้นายกฯและคนที่เกี่ยวข้องกับมือ

ไม่ตอกย้ำไม่ซ้ำเติม เพราะเขากำลังจะพัง และพังแน่ เพราะเป็นโครงการที่ควบคุมคอร์รัปชันไม่ได้ ให้แน่มาจากไหนก็ควบคุมไม่ได้ แต่ถ้าจะถอยก็ต้องยกเลิกไปเลย

คำทักท้วงของนายวีรพงษ์ไม่ต่างจากฝั่งประชาธิปัตย์

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อ้างว่า มีชาวนามาร้องเรียนเอาข้าวไปจำนำเป็นเดือนแต่ไม่ได้เงิน แสดงให้เห็นว่ามีการคอร์รัปชัน

การรับจำนำในราคาสูงยังต้องใช้เงินหมุนเวียนหลายแสนล้านบาท รัฐบาลจะได้เงินคืนเมื่อขายข้าวได้ แต่ประมูลข้าวทีไรขายไม่ค่อยได้ หากถลำลึกไปเรื่อยๆ ระบบการค้าข้าวจะเสียหาย ข้าวที่เก็บไว้จำนวนมากก็จะเสื่อมคุณภาพ เกิดความเสียหายซ้ำซ้อน

ไม่คุ้มทุน ทุจริต คือมุมมองของฝ่ายค้าน

แล้วก็เป็นอะไรที่จะตามแห่กันมาเป็นขบวน

นายอดิศร อิศรางกูร ณ อยุธยา คณบดีคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) รวบรวมรายชื่อนักวิชาการจากนิด้า 60 คน ธรรมศาสตร์ 20 คน ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความการรับจำนำข้าวขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 84 วรรค 1 ที่ห้ามรัฐทำธุรกิจแข่งกับเอกชน

การรับจำนำข้าวจึงไม่อาจทำต่อไปได้แม้จะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร แต่เห็นว่าเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรรายใหญ่ มากกว่าเกษตรกรรายย่อย

คือมุมมองของนักวิชาการกลุ่มนี้

ไม่ต่างจากมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ที่ระบุว่า โครงการรับจำนำข้าวใช้งบประมาณ 300,000 ล้านบาท จะขาดทุนราว 110,000 ล้านบาท และเป็นเงินที่จ่ายให้เกษตรกรจริงๆแค่ประมาณ 1,000,000 กว่าครัวเครือน เม็ดเงินประมาณ 50,000-60,000 ล้านบาท ที่เหลือเข้ากระเป๋าโรงสี

สรุปแนวความคิดของฝ่ายต้านคือ หาเสียง ไม่คุ้มทุน ทำลายระบบ และทุจริต

แม้จะถูกต่อต้านอย่างหนักแต่รัฐบาลก็เดินหน้ารับจำนำต่อ เพราะเห็นว่าผลประโยชน์ตกอยู่กับชาวนาโดยตรง

ล่าสุดคณะรัฐมนตรีอนุมติงบประมาณอีก 240,000 ล้านบาท เพื่อใช้รับจำนำข้าวนาปี ฤดูกาลผลิต 2555-2556 จำนวน 15 ล้านตัน

ไม่ใช่ว่าไม่ฟังคำคัดค้าน ไม่รู้จุดบกพร่อง แต่รัฐบาลเลือกที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดไปพร้อมกับเดินหน้าโครงการมากกว่าการล้มเลิกตามกระแสเรียกร้อง

ครั้งนี้รัฐบาลสั่งตรวจสอบชาวนาที่นำข้าวมาจำนำเกิน 500,000 บาท เพราะเกรงว่าจะมีการนำข้าวที่อื่นมาสวมสิทธิ

ตั้งคณะกรรมการระดับโรงสีเพื่อตรวจสอบคุณภาพข้าว

ขยับเพื่อปิดจุดอ่อนที่ถูกโจมตีเรื่องทุจริต

นางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ยืนยันว่า เดือนต.ค. นี้จะมีเงินเข้ามาจากการระบายข้าวออก 40,000 ล้านบาท และสิ้นปีจะมีเงินจากการระบายข้าวอีก 100,000 ล้านบาท

ตัวเลขรายได้จากการขายข้าวในสต็อกรัฐบาลได้แน่ๆ 140,000 ล้านบาท

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า การรับจำนำข้าวเป็นเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่จะดูแลความเป็นอยู่ของเกษตรกร ทุกข้อห่วงใยเรารับไว้พิจารณา และจะปรับปรุงข้อบกพร่อง ต้องขอเวลาในการปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

นายกฯยังเล่นบทนอบน้อมไม่ชนตรงๆกับฝ่ายต่อต้าน แต่ที่ได้ใจชาวนาคงเป็นคำพูดที่ว่า

“ทำให้ชาวนามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถใช้หนี้สินต่างๆได้ จะเป็นวงจรหมุนเวียนเศรษฐกิจ อยากให้ดู 2 ส่วนนี้ประกอบกัน”

ยังไงก็มองประโยชน์ที่ชาวนาเป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลจะมองประโยชน์ชาวนาป็นหลัก และการทุจริตยังอยู่แค่ระดับปฏิบัติไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลโดยตรง

แม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตีกลับคำร้องของนักวิชาการจากนิด้าและธรรมศาสตร์

แต่รัฐบาลก็วางใจไม่ได้โดยเฉพาะเรื่องแง่มุมกฎหมาย เพราะการตีกลับคำร้องไม่ใช่ปฏิเสธไม่รับคำร้อง

แค่ให้กลับไปเขียนให้ชัดว่าร้องเรื่องอะไร และจะให้ศาลสั่งว่าอะไร ยังเปิดช่องรอรับเรื่องอยู่

ทราบมาว่าประเด็นที่จะส่งกลับเข้าไปใหม่จะให้ตีความคำว่า “จำนำ” เพราะหลักการของการ “จำนำ” คือต้องรับของไว้ในราคาที่ต่ำกว่าตลาด เพื่อให้คนจำนำมาไถ่ถอนไปขายเมื่อราคาขึ้นถึงในจุดที่ต้องการ

การให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าราคาตลาดจึงไม่ถือเป็นการ “จำนำ” แต่เป็นการ “ซื้อ”

เมื่อเป็นการ “ซื้อ” แล้วเอาไป “ขาย” ก็เข้าข่ายทำธุรกิจ ผิดรัฐธรรมนูญแน่นอน

รัฐบาลอาจตายน้ำตื้นเพราะการเปิดพจนานุกรมตัดสินด้วยการตีความคำว่า “จำนำ” ซ้ำรอยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ที่เปิดพจนานุกรมตีความคำว่า “ลูกจ้าง” อีกครั้งก็เป็นได้

ที่มา.หนังสือพิมพ์โลกวันนี้
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น