ทุกช็อตความเคลื่อนไหว ในทางการเมือง ณ ห้วงเวลา นี้ ดูเหมือนจะพลุ่งพล่านขึ้นไป ทุกขณะ โดยเฉพาะการปรับคณะรัฐมนตรีชุด 3 ที่ผ่านไป หมาดๆ แม้ก่อนหน้านี้จะยื้อยุด กันอยู่พักใหญ่ ด้วยเงื่อนไข ที่ต้องรอให้ผ่านศึกอภิปราย ไม่ไว้วางใจไปก่อน แต่เอาเข้า จริง กลับมี “สัญญาณพิเศษ” ออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
ซึ่งเกมกระชับอำนาจรัฐหนนี้ มีการปรับแผงกันล็อตใหญ่ถึง 20 เก้าอี้ มีทั้งรัฐมนตรี “แถว 2-แถว 3” ที่บางส่วนถูกสลับดอกย้ายข้ามห้วยไปกระทรวงอื่น ขณะที่พวก “ส่วนเกิน” ล้วนถูก “ปรับออก” ในทันควัน จะมีก็แค่ 16 เก้าอี้เสนาบดีที่ยัง คงเหนียวแน่น
ผ่านไป 5 เดือนเศษ...หลังสิ้นพฤษภา ป่าช้าแตก! ได้มีกระแสข่าวการปรับทัพใหญ่ “ครม.” กระเพื่อมไหวมาโดยตลอด เพื่อเปิดทางให้ “ผู้เล่นตัวจริง” จากบ้าน 111 เข้ามาแทนที่ แต่กระนั้นด้วย “จังหวะ” และ “เงื่อนไขทางการเมือง” ที่ยังไม่สุกงอม ทำให้การปรับใหญ่ถูกทอดเวลาออกไป จนถึงจุดที่รัฐบาลต้องเผชิญกับมรสุมรอบด้าน ทั้งเงื่อนไขปลุกระดม “ม็อบข้างถนน” ของฝ่ายจ้องล้มอำนาจรัฐ หรือแม้ แต่ “คิวซักฟอก” ที่กำลังขยับเข้ามาใกล้
พลันให้ทุกความเคลื่อนไหวในช่วงปลายฝนต้นหนาว ดูจะยิ่งหนาวยะเยือก! ท่ามกลาง “องคาพยพ” ที่คาดหมาย ว่า “ครม.ปู 3” อย่างไรก็ต้องปรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งตัวนายกฯ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่ต้องเผชิญกับแรงเสียดทานในรอบด้าน โดยเฉพาะ “คนกันเอง” ในมุ้งค่ายเพื่อไทย ที่กำลังกระชับวงล้อมเพื่อเข้า สู่ “เกมอำนาจ”
กระนั้นแม้ “ยิ่งลักษณ์” จะนำพารัฐนาวา ยังไม่ผ่านครึ่งเทอมดี แต่ก็ถือว่าเดิน มาไกลและราบรื่นเกินกว่าที่ “คอการเมือง” เคยตั้งธงวิพากษ์เอาไว้ เมื่อประจวบเหมาะ... ต่อรองเงื่อนไข อำนาจกับ “พี่ชาย” ได้อย่างลงตัว พลันให้ผู้นำหญิงตัดสินใจรื้อแผง ครม.ล็อตใหญ่ ทันที ซึ่งแผนปรับ “ครม.ปู 3” แบบสายฟ้าแลบหนนี้ ยังถูกตั้งข้อสังเกตว่า...ด้านหนึ่ง สะท้อนถึง “สัญญาณบีบ” เพื่อกระชับอำนาจของตัว “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” ให้มากขึ้น อีกด้านหนึ่งก็เป็นการชิงปรับเพื่อ ลดน้ำหนักความชอบธรรมในการบี้ซักฟอก ของขั้วฝ่ายค้าน
“ครม.ปู 3” จึงถือว่าเป็นวาระการ เมืองที่มาได้ถูกที่ถูกเวลาอยู่ไม่น้อย เมื่อสังเคราะห์ความเป็นไปได้จากมรสุมทางการเมืองที่เริ่มตั้งเค้า และเตรียม “โหมโรง” เข้าใส่ทำเนียบไทยคู่ฟ้าในห้วงเวลานี้ การปรับแผงเสนาบดี นอกจากเป็น การ “ขยับตัวขุนพล” เพื่อรับศึกใหญ่รอบด้านแล้ว ยังเป็นการเสริมใยเหล็กให้แก่ รัฐนาวาในขวบปีที่ 2 ทั้งการรับมือกับ “มวลชนนอกสภา” ที่ออกมาเช็กเรตติ้งรอบใหม่ ตลอดทั้งการปิดเกมการเมืองใน สภา ที่รอจังหวะ “บดขยี้” รัฐบาลอย่างหนักหน่วง
เงื่อนไขเหล่านี้ ยิ่งดูสอดคล้องกันมากขึ้น แต่หากประเมินรอบด้านแล้ว จะเห็นว่าการดึงพวก “ตัวจริง” กลับมาสู่เวทีอำนาจอีกครานั้น ย่อมเลี่ยงไม่ได้กับ “เหตุผล” ที่ว่า...เพื่อชิงความได้เปรียบทาง การเมือง!!!
ทอดจังหวะต่อเนื่องไปถึงการเลือกตัว “หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่” ซึ่งกำหนดให้มีขึ้นวันที่ 30 ตุลาคม ซึ่งล้วนแต่เป็นภาพสะท้อนที่ชวนให้ติดตาม โดยเฉพาะเมื่อมีความชัดเจนแล้วว่า “เจ้ากระทรวงคลองหลอด” และหัวหน้าพรรคคนใหม่ มีความเป็นไปได้ว่า “จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ” จะเข้ามาควบทั้ง 2 ตำแหน่ง เพราะหากมองในแง่ของตัวบุคคลแล้วดูจะเหมาะสมที่สุด เพราะมีความคล้ายกันระหว่าง “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” หัวหน้าคนเก่า เมื่อเทียบกับ “จารุพงศ์” จะเห็นได้ว่า ทั้งคู่ล้วนมีจุดแข็งอยู่ที่การวางตัวให้ดู “โลว์ โปรไฟล์”...ไม่โดดเด่นเกินหน้า “ผู้นำหญิง” จนกลายเป็น “เป้าล่อ” ให้ฝ่ายตรงข้ามเอามาเป็น “ชนวนถล่มรัฐบาล”
นอกจากเก้าอี้ “มท.1” และว่าที่หัวหน้าพรรคคนใหม่ ที่นายใหญ่ “จงใจ” จะทำให้ภาพของ “ปู 3” ออกมาในเฉดที่ดู “ไม่จัดจ้าน” เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว “เสี่ยอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย ผอ.พรรคเพื่อไทย และในบทบาท “มือทำงาน” ทั้งใต้ดิน-บนดินของ “ทักษิณ” ก็คงไม่พลาดเก้าอี้ “มท.1” หรือแม้แต่หัวโขนเพื่อไทยคนใหม่ ตามที่มีแรงหนุนนำมาอย่างหนาแน่น
หากชี้ลึกลงไปในรายละเอียดแห่ง “วาระโยกย้าย” ผ่านตัวเสนาบดีใหม่ ซึ่งล้วนแต่สะท้อนให้เห็น “นัยยะสำคัญ” ที่ดูน่าสนใจยิ่ง แม้แต่กระทรวงมหาดไทยก็ยังมีเซอร์ไพรส์ให้ “จารุพงศ์” ได้ตกใจมิใช่น้อย...เพราะเมื่อฟ้าส่ง “จารุพงศ์” มาเป็นเจ้ากระทรวงมหาดไทย แล้วไยต้องส่ง “พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก” มานั่งประกบข้างในเก้าอี้ “มท.2” ด้วยเล่า...! เพราะทั้งคู่ต่างเป็น “ไม้เบื่อไม้เมา” กันมาตลอด เรียกว่า...ซดเกาเหลากันอยู่ทุกครั้งที่นั่งคู่กันในกระทรวงคมนาคม
ภาพเก่าๆ ในวันวาน...คงจะตามมาหลอกหลอน “2 รัฐมนตรี” ที่กลายเป็นคู่กัดคู่เก่า...ในกระทรวงใหม่ และอีกช็อตการเมืองที่เป็นไฮไลต์ นั่นคือการที่ “เดอะตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง ชื่อหลุดจากโผ “ครม.ปู 3” ไปแบบมึนๆ งงๆ... แม้ “ตู่” จะวางตัวเป็น “องครักษ์พิทักษ์นาย” มาโดยตลอด ทั้งที่ก่อนนี้ก็มีชื่อปรากฏอยู่ในทุกโผ และมีคำมั่นจาก “คนแดนไกล” ว่าเหมาะสมที่จะขึ้นชั้นเป็นรัฐมนตรี แต่ที่สุด “ตู่” ก็ไร้ซึ่งรางวัลปลอบใจใดๆ
ว่ากันว่า เหตุที่ “ตู่” ไม่ได้เก้าอี้ใน ครม.ชุด 3 เป็นเพราะมี “แรงเสียดทาน” จากภายนอกเข้ามาอย่างหนัก กอปรกับคนในพรรคบางส่วน ก็ไม่อยากให้ “ตู่” เข้ามาเป็น “รัฐมนตรีสายล่อฟ้า” เพราะคนข้างบนไม่ชอบ กองทัพก็ไม่ปลื้ม!!!
ทว่า “ตู่” ยังได้รับคำหวานจาก “นาย ใหญ่” ที่ยกมาปลอบประโลมว่า...วันหน้าฟ้าใหม่ “ตู่” คงได้สมหวังบนเก้าอี้รัฐมนตรีอย่างแน่นอน... แน่นอนว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “ตู่” วืดเก้าอี้รัฐมนตรี นั่นเพราะได้ถูกวางตัวให้ เป็น “ผู้นำมวลชน” ในการขับเคลื่อน “ม็อบเสื้อแดง” เพื่อเป็นผนังทองแดง-กำแพงเหล็กให้แก่รัฐบาลในยามวิกฤติ... หรือแม้แต่การวางตัว “ตู่” ให้เป็น “ไม้กันสุนัข” คอยสกัดเกมการเมืองข้างถนนของ “ฝ่ายจ้องล้มรัฐบาล”
เมื่อประเมินจากตัวบุคคลที่ติดโผ ครม.เที่ยวล่าสุด ก็ยังปรากฏชัดว่า ทั้งสาย วังบัวบานของ “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ...สายบ้านจันทร์ส่องหล้าของ “นายใหญ่-พี่สะใภ้” ตลอดจนทีม “บ้าน 111” ต่างเดินพาเหรดเข้ามาแบบยกแผงหรือแม้แต่ “ทีมงานไทยคู่ฟ้า” ข้างกายนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ก็มีชื่ออยู่ในโผแทบ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” รมช.กระทรวงคมนาคม ที่ถูกอัพเกรด...ขึ้น ชั้น “ว่าการคมนาคม” แม้จะถูกมองว่าเป็น “รัฐมนตรีที่โลกลืม” ซึ่งแม้แต่นักข่าวในรังนกกระจอกยังแทบไม่รู้จัก แต่ก็ถือเป็น “เด็กปั้น” ของ “นายหญิง” เพราะช่วงหลังมานี้ “ชัชชาติ” ถูกวางบทบาทสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ “อภิโปรเจกต์” แก้ปัญหาจราจรใน กทม. หรือแม้แต่การยกให้เป็น “คีย์แมนคนสำคัญ” ในทีมบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล หรือพวกมือใหม่ป้ายแดงอย่าง “ประดิษฐ์ สินธวณรงค์” ที่โผล่มายึดเก้าอี้ รมว.กระทรวงสาธารณสุข ก็มีคอนเน็กชั่น โยงใยกับธุรกิจอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่อย่าง “กลุ่มแสนสิริ” ที่มีบอสใหญ่ชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” และเป็นคนเดียวกับที่ปรากฏในกระแสข่าว “ว.5 โฟร์ซีซั่น”
ต่อมายังมี “ปลอดประสพ สุรัสวดี” ที่ถูกอัพเกรดจาก รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ขึ้นชั้นเป็นรองนายกฯ คุมเกมการ บริหารจัดการเมกะโปรเจกต์น้ำ ที่มีเม็ดเงิน ในมือหลายแสนล้านบาท เป็นไปตามบทบาทเด่น ที่เล่นเป็น “กันชน” กั้นแรงปะทะให้นายกฯ หญิง ตลอดขวบปีแรก
ยิ่งได้ประเมินจากโผเสนาบดีหน้าใหม่ ก็ยิ่งปรากฏชัดว่า “นารีขี่ม้าขาว” กำลังเดินเข้าไปสู่ “เกมกระชับอำนาจในมือ” ด้วยการเลือกใช้พวกที่อยู่ใต้อาณัติ และคนที่ไว้วางใจได้ เพื่อเอาไว้เป็น “ม้าใช้... ใกล้ตัว” ตามปรากฏการณ์...รื้อแผงทีมรัฐมนตรีหนนี้ ล้วนแต่เป็น “บิ๊กเซอร์ไพรส์...ปู 3” ซึ่งจะว่าไปแล้ว ก็คงเหมือนการเปลี่ยนแกนอำนาจใหม่ ที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ จะสามารถแสดงให้เห็นถึง “ภาวะผู้นำ” ที่มากขึ้น และยังเป็นการสร้างน้ำหนักให้กับตัวเองในเกม “เพาเวอร์เพลย์” รอบใหม่ ที่ยังคงเล่นกันอย่างหนักในมุ้งค่ายเพื่อไทย...และมีแนว โน้มจะแรงขึ้นเรื่อยๆ
ที่มา.สยามธุรกิจออนไลน์
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ซึ่งเกมกระชับอำนาจรัฐหนนี้ มีการปรับแผงกันล็อตใหญ่ถึง 20 เก้าอี้ มีทั้งรัฐมนตรี “แถว 2-แถว 3” ที่บางส่วนถูกสลับดอกย้ายข้ามห้วยไปกระทรวงอื่น ขณะที่พวก “ส่วนเกิน” ล้วนถูก “ปรับออก” ในทันควัน จะมีก็แค่ 16 เก้าอี้เสนาบดีที่ยัง คงเหนียวแน่น
ผ่านไป 5 เดือนเศษ...หลังสิ้นพฤษภา ป่าช้าแตก! ได้มีกระแสข่าวการปรับทัพใหญ่ “ครม.” กระเพื่อมไหวมาโดยตลอด เพื่อเปิดทางให้ “ผู้เล่นตัวจริง” จากบ้าน 111 เข้ามาแทนที่ แต่กระนั้นด้วย “จังหวะ” และ “เงื่อนไขทางการเมือง” ที่ยังไม่สุกงอม ทำให้การปรับใหญ่ถูกทอดเวลาออกไป จนถึงจุดที่รัฐบาลต้องเผชิญกับมรสุมรอบด้าน ทั้งเงื่อนไขปลุกระดม “ม็อบข้างถนน” ของฝ่ายจ้องล้มอำนาจรัฐ หรือแม้ แต่ “คิวซักฟอก” ที่กำลังขยับเข้ามาใกล้
พลันให้ทุกความเคลื่อนไหวในช่วงปลายฝนต้นหนาว ดูจะยิ่งหนาวยะเยือก! ท่ามกลาง “องคาพยพ” ที่คาดหมาย ว่า “ครม.ปู 3” อย่างไรก็ต้องปรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งตัวนายกฯ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่ต้องเผชิญกับแรงเสียดทานในรอบด้าน โดยเฉพาะ “คนกันเอง” ในมุ้งค่ายเพื่อไทย ที่กำลังกระชับวงล้อมเพื่อเข้า สู่ “เกมอำนาจ”
กระนั้นแม้ “ยิ่งลักษณ์” จะนำพารัฐนาวา ยังไม่ผ่านครึ่งเทอมดี แต่ก็ถือว่าเดิน มาไกลและราบรื่นเกินกว่าที่ “คอการเมือง” เคยตั้งธงวิพากษ์เอาไว้ เมื่อประจวบเหมาะ... ต่อรองเงื่อนไข อำนาจกับ “พี่ชาย” ได้อย่างลงตัว พลันให้ผู้นำหญิงตัดสินใจรื้อแผง ครม.ล็อตใหญ่ ทันที ซึ่งแผนปรับ “ครม.ปู 3” แบบสายฟ้าแลบหนนี้ ยังถูกตั้งข้อสังเกตว่า...ด้านหนึ่ง สะท้อนถึง “สัญญาณบีบ” เพื่อกระชับอำนาจของตัว “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” ให้มากขึ้น อีกด้านหนึ่งก็เป็นการชิงปรับเพื่อ ลดน้ำหนักความชอบธรรมในการบี้ซักฟอก ของขั้วฝ่ายค้าน
“ครม.ปู 3” จึงถือว่าเป็นวาระการ เมืองที่มาได้ถูกที่ถูกเวลาอยู่ไม่น้อย เมื่อสังเคราะห์ความเป็นไปได้จากมรสุมทางการเมืองที่เริ่มตั้งเค้า และเตรียม “โหมโรง” เข้าใส่ทำเนียบไทยคู่ฟ้าในห้วงเวลานี้ การปรับแผงเสนาบดี นอกจากเป็น การ “ขยับตัวขุนพล” เพื่อรับศึกใหญ่รอบด้านแล้ว ยังเป็นการเสริมใยเหล็กให้แก่ รัฐนาวาในขวบปีที่ 2 ทั้งการรับมือกับ “มวลชนนอกสภา” ที่ออกมาเช็กเรตติ้งรอบใหม่ ตลอดทั้งการปิดเกมการเมืองใน สภา ที่รอจังหวะ “บดขยี้” รัฐบาลอย่างหนักหน่วง
เงื่อนไขเหล่านี้ ยิ่งดูสอดคล้องกันมากขึ้น แต่หากประเมินรอบด้านแล้ว จะเห็นว่าการดึงพวก “ตัวจริง” กลับมาสู่เวทีอำนาจอีกครานั้น ย่อมเลี่ยงไม่ได้กับ “เหตุผล” ที่ว่า...เพื่อชิงความได้เปรียบทาง การเมือง!!!
ทอดจังหวะต่อเนื่องไปถึงการเลือกตัว “หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่” ซึ่งกำหนดให้มีขึ้นวันที่ 30 ตุลาคม ซึ่งล้วนแต่เป็นภาพสะท้อนที่ชวนให้ติดตาม โดยเฉพาะเมื่อมีความชัดเจนแล้วว่า “เจ้ากระทรวงคลองหลอด” และหัวหน้าพรรคคนใหม่ มีความเป็นไปได้ว่า “จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ” จะเข้ามาควบทั้ง 2 ตำแหน่ง เพราะหากมองในแง่ของตัวบุคคลแล้วดูจะเหมาะสมที่สุด เพราะมีความคล้ายกันระหว่าง “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” หัวหน้าคนเก่า เมื่อเทียบกับ “จารุพงศ์” จะเห็นได้ว่า ทั้งคู่ล้วนมีจุดแข็งอยู่ที่การวางตัวให้ดู “โลว์ โปรไฟล์”...ไม่โดดเด่นเกินหน้า “ผู้นำหญิง” จนกลายเป็น “เป้าล่อ” ให้ฝ่ายตรงข้ามเอามาเป็น “ชนวนถล่มรัฐบาล”
นอกจากเก้าอี้ “มท.1” และว่าที่หัวหน้าพรรคคนใหม่ ที่นายใหญ่ “จงใจ” จะทำให้ภาพของ “ปู 3” ออกมาในเฉดที่ดู “ไม่จัดจ้าน” เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว “เสี่ยอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย ผอ.พรรคเพื่อไทย และในบทบาท “มือทำงาน” ทั้งใต้ดิน-บนดินของ “ทักษิณ” ก็คงไม่พลาดเก้าอี้ “มท.1” หรือแม้แต่หัวโขนเพื่อไทยคนใหม่ ตามที่มีแรงหนุนนำมาอย่างหนาแน่น
หากชี้ลึกลงไปในรายละเอียดแห่ง “วาระโยกย้าย” ผ่านตัวเสนาบดีใหม่ ซึ่งล้วนแต่สะท้อนให้เห็น “นัยยะสำคัญ” ที่ดูน่าสนใจยิ่ง แม้แต่กระทรวงมหาดไทยก็ยังมีเซอร์ไพรส์ให้ “จารุพงศ์” ได้ตกใจมิใช่น้อย...เพราะเมื่อฟ้าส่ง “จารุพงศ์” มาเป็นเจ้ากระทรวงมหาดไทย แล้วไยต้องส่ง “พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก” มานั่งประกบข้างในเก้าอี้ “มท.2” ด้วยเล่า...! เพราะทั้งคู่ต่างเป็น “ไม้เบื่อไม้เมา” กันมาตลอด เรียกว่า...ซดเกาเหลากันอยู่ทุกครั้งที่นั่งคู่กันในกระทรวงคมนาคม
ภาพเก่าๆ ในวันวาน...คงจะตามมาหลอกหลอน “2 รัฐมนตรี” ที่กลายเป็นคู่กัดคู่เก่า...ในกระทรวงใหม่ และอีกช็อตการเมืองที่เป็นไฮไลต์ นั่นคือการที่ “เดอะตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง ชื่อหลุดจากโผ “ครม.ปู 3” ไปแบบมึนๆ งงๆ... แม้ “ตู่” จะวางตัวเป็น “องครักษ์พิทักษ์นาย” มาโดยตลอด ทั้งที่ก่อนนี้ก็มีชื่อปรากฏอยู่ในทุกโผ และมีคำมั่นจาก “คนแดนไกล” ว่าเหมาะสมที่จะขึ้นชั้นเป็นรัฐมนตรี แต่ที่สุด “ตู่” ก็ไร้ซึ่งรางวัลปลอบใจใดๆ
ว่ากันว่า เหตุที่ “ตู่” ไม่ได้เก้าอี้ใน ครม.ชุด 3 เป็นเพราะมี “แรงเสียดทาน” จากภายนอกเข้ามาอย่างหนัก กอปรกับคนในพรรคบางส่วน ก็ไม่อยากให้ “ตู่” เข้ามาเป็น “รัฐมนตรีสายล่อฟ้า” เพราะคนข้างบนไม่ชอบ กองทัพก็ไม่ปลื้ม!!!
ทว่า “ตู่” ยังได้รับคำหวานจาก “นาย ใหญ่” ที่ยกมาปลอบประโลมว่า...วันหน้าฟ้าใหม่ “ตู่” คงได้สมหวังบนเก้าอี้รัฐมนตรีอย่างแน่นอน... แน่นอนว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “ตู่” วืดเก้าอี้รัฐมนตรี นั่นเพราะได้ถูกวางตัวให้ เป็น “ผู้นำมวลชน” ในการขับเคลื่อน “ม็อบเสื้อแดง” เพื่อเป็นผนังทองแดง-กำแพงเหล็กให้แก่รัฐบาลในยามวิกฤติ... หรือแม้แต่การวางตัว “ตู่” ให้เป็น “ไม้กันสุนัข” คอยสกัดเกมการเมืองข้างถนนของ “ฝ่ายจ้องล้มรัฐบาล”
เมื่อประเมินจากตัวบุคคลที่ติดโผ ครม.เที่ยวล่าสุด ก็ยังปรากฏชัดว่า ทั้งสาย วังบัวบานของ “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ...สายบ้านจันทร์ส่องหล้าของ “นายใหญ่-พี่สะใภ้” ตลอดจนทีม “บ้าน 111” ต่างเดินพาเหรดเข้ามาแบบยกแผงหรือแม้แต่ “ทีมงานไทยคู่ฟ้า” ข้างกายนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ก็มีชื่ออยู่ในโผแทบ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” รมช.กระทรวงคมนาคม ที่ถูกอัพเกรด...ขึ้น ชั้น “ว่าการคมนาคม” แม้จะถูกมองว่าเป็น “รัฐมนตรีที่โลกลืม” ซึ่งแม้แต่นักข่าวในรังนกกระจอกยังแทบไม่รู้จัก แต่ก็ถือเป็น “เด็กปั้น” ของ “นายหญิง” เพราะช่วงหลังมานี้ “ชัชชาติ” ถูกวางบทบาทสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ “อภิโปรเจกต์” แก้ปัญหาจราจรใน กทม. หรือแม้แต่การยกให้เป็น “คีย์แมนคนสำคัญ” ในทีมบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล หรือพวกมือใหม่ป้ายแดงอย่าง “ประดิษฐ์ สินธวณรงค์” ที่โผล่มายึดเก้าอี้ รมว.กระทรวงสาธารณสุข ก็มีคอนเน็กชั่น โยงใยกับธุรกิจอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่อย่าง “กลุ่มแสนสิริ” ที่มีบอสใหญ่ชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” และเป็นคนเดียวกับที่ปรากฏในกระแสข่าว “ว.5 โฟร์ซีซั่น”
ต่อมายังมี “ปลอดประสพ สุรัสวดี” ที่ถูกอัพเกรดจาก รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ขึ้นชั้นเป็นรองนายกฯ คุมเกมการ บริหารจัดการเมกะโปรเจกต์น้ำ ที่มีเม็ดเงิน ในมือหลายแสนล้านบาท เป็นไปตามบทบาทเด่น ที่เล่นเป็น “กันชน” กั้นแรงปะทะให้นายกฯ หญิง ตลอดขวบปีแรก
ยิ่งได้ประเมินจากโผเสนาบดีหน้าใหม่ ก็ยิ่งปรากฏชัดว่า “นารีขี่ม้าขาว” กำลังเดินเข้าไปสู่ “เกมกระชับอำนาจในมือ” ด้วยการเลือกใช้พวกที่อยู่ใต้อาณัติ และคนที่ไว้วางใจได้ เพื่อเอาไว้เป็น “ม้าใช้... ใกล้ตัว” ตามปรากฏการณ์...รื้อแผงทีมรัฐมนตรีหนนี้ ล้วนแต่เป็น “บิ๊กเซอร์ไพรส์...ปู 3” ซึ่งจะว่าไปแล้ว ก็คงเหมือนการเปลี่ยนแกนอำนาจใหม่ ที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ จะสามารถแสดงให้เห็นถึง “ภาวะผู้นำ” ที่มากขึ้น และยังเป็นการสร้างน้ำหนักให้กับตัวเองในเกม “เพาเวอร์เพลย์” รอบใหม่ ที่ยังคงเล่นกันอย่างหนักในมุ้งค่ายเพื่อไทย...และมีแนว โน้มจะแรงขึ้นเรื่อยๆ
ที่มา.สยามธุรกิจออนไลน์
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น