ถึงบางอ้อในทันทีเมื่อมีอีกาคาบข่าวมากระซิบข้างหูว่า
เหตุผลที่แท้จริงที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องออกมาเล่นแรงๆ
จัดอีเวนท์เรื่องชายชุดดำอย่างต่อเนื่อง
เพราะว่ามีบางคนกำลังจะเปลี่ยนสถานะเป็นผู้ต้องหา
ทันทีที่ปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 28 พ.ย. นี้ จะมีการออกหมายเรียกคนสั่งการกระชับพื้นที่ กระชับวงล้อม สลายการชุมนุม นปช. ไปรับทราบข้อกล่าวหา
สภาปิดแล้วเท่ากับว่าไร้ซึ่งเอกสิทธ์ ส.ส. คุ้มครอง หากไม่ไปตามหมายเรียกก็ต้องออกหมายจับ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
การเมืองนับจากนี้ไปก่อนถึงวันปิดสมัยประชุมรัฐสภาจึงมีแต่จะร้อนแรงขึ้น โดยเฉพาะในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่จะมีขึ้นก่อนปิดสมัยประชุมสภา
เรื่องที่จะโฟกัสอภิปรายอาจเป็นเรื่องชายชุดดำ ไม่ใช่เรื่องรับจำนำข้าวอย่างที่เข้าใจกัน
สอดคล้องกับการเดินหน้าของดีเอสไอ ที่ประกาศเร่งทำ 7 คดีที่มีผลกระทบทางสังคมและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ด้วยการตั้งค่าหัวคนร้ายรายละ 1,000,000 บาท
ใครชี้เบาะแสจนจับคนร้ายได้เอาเงินล้านไปเลย
4 ใน 7 คดีที่เร่งทำถือว่าน่าสนใจคือ คดีการเสียชีวิตของ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม และทหาร 5 นายจากการปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ที่ราชดำเนิน
การเสียชีวิตของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ที่ถูกซุ่มยิงจากตึกสูง
การเสียชีวิตของนายฮิโรยูกิ มูราโมโต ช่างภาพญี่ปุ่น และการเสียชีวิตของนายฟาบิโอ โปเลงกี นักข่าวอิตาลี
ใครที่เคยอวดตัวว่ารู้ข้อมูลตื้นลึกหนาบางในการเสียชีวิตของทั้ง 4 คนนี้น่าจะลองส่งข้อมูลให้ดีเอสไอเอาไปสอบขยายผล
สลับฉากไปที่ลานพระแม่ธรณีบีบมวยผม ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เปิดตัวหนังสือ “ความจริงไม่มีสี”
เนื้อหาเล่าถึงสิ่งที่นายอภิสิทธิ์เผชิญเหตุการณ์วิกฤตการเมืองปี 2552-2553 นาทีหนีตายในสถานที่ต่างๆ การใช้ชีวิตและการทำงานบริหารราชแผ่นดินในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์
ที่เป็นไฮไลท์เลยคือ เบื้องลึกเบื้องหลังการตัดสินใจในเหตุการณ์ต่างๆ
ทั้งหมดทั้งมวลเป็นมุมมองของนายอภิสิทธิ์ที่ต้องการบอกเล่ากับแฟนๆที่ติดตามเชียร์
แต่ในอารมณ์ความรู้สึกที่ต่างออกไปกลับเป็นผู้นำทหารอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่พักหลังมองโลกในความเป็นจริงมากขึ้น
อย่าพูดกันไปมาว่ามีชายชุดดำหรือไม่ ต้องเอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาพูดว่ามีผู้บาดเจ็บ สูญเสียทั้งสองฝ่าย คือเจ้าหน้าที่และประชาชน...
เมื่อเกิดเหตุบาดเจ็บ สูญเสียทั้งสองฝ่าย ถ้าประชาชนสูญเสียข้างเดียว แน่นอนว่าต้องหมายถึงเจ้าหน้าที่ เพราะถืออาวุธเพียงฝ่ายเดียว แต่ทำไมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีเจ้าหน้าที่เสียชีวิต ขอให้มองในมุมกลับ...”
ผู้นำทหารยังมองว่าเหรียญมีสองด้าน ผิดกับฝ่ายการเมืองที่ยังผิดไม่ได้ ผิดไม่เป็น ไม่ยอมรับความผิดพลาด
สวนทางกับตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมที่ล่าสุดพุ่งสูงเป็น 99 รายแล้ว จากคำยืนยันของ พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่เข้าให้ข้อมูลกับคณะทำงานพิจารณาเรื่องการตรวจสอบข้อเท็จจริงการชุมนุมของ นปช. ว่ามีชายชุดดำร่วมในการชุมนุมหรือไม่ โดยมีนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน
ใน 99 ศพ ดีเอสไอส่งเรื่องให้ตำรวจชันสูตรพลิกศพทำสำนวนส่งอัยการยื่นศาลไต่สวน 35 ศพที่มีพยานหลักฐานว่าเกิดจากฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐ
แม้พรรคประชาธิปัตย์จะใช้กลไกที่มีอยู่เต็มที่เพื่อตามหาชายชุดดำที่ถูกโยนให้เป็นแพะว่าเป็นคนฆ่า เป็นคนเริ่มต้นใช้ความรุนแรง
แต่ก็มีคนตั้งคำถามเหมือนกันว่า หากเห็นชายชุดดำใช้ความรุนแรง ถืออาวุธไล่ยิงเจ้าหน้าที่ ยิงประชาชน ทำไมพลแม่นปืนที่ขึ้นไปอยู่บนตึกสูงตั้งมากมายไม่ส่องหัวให้กระจุยเอามาโชว์เป็นหลักฐานยืนยันคำพูดสักคนสองคน
ไฉนคนที่ถูกส่องหัวมีแต่ประชาชนมือเปล่า
เวลากว่า 2 ปีหลังสิ้นเสียงปืนนัดสุดท้าย เรื่องราวต่างๆกำลังถูกเคี่ยวให้งวดขึ้น สถานการณ์ตอนนี้จึงเหมือนรถขนไก่ใกล้โรงเชือด
ก็ต้องมีการจิกตี ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวมากหน่อยเป็นธรรมดา เพราะไม่ว่าใครก็รักตัวกลัวตาย ไม่อยากตกเป็นผู้ต้องหา ไม่อยากไปอยู่ในคุก
หลังปิดสมัยประชุมสภาคงได้เห็นว่ามีหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาส่งถึงใครบ้าง
ที่มา.หนังสือพิมพ์โลกวันนี้
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ทันทีที่ปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 28 พ.ย. นี้ จะมีการออกหมายเรียกคนสั่งการกระชับพื้นที่ กระชับวงล้อม สลายการชุมนุม นปช. ไปรับทราบข้อกล่าวหา
สภาปิดแล้วเท่ากับว่าไร้ซึ่งเอกสิทธ์ ส.ส. คุ้มครอง หากไม่ไปตามหมายเรียกก็ต้องออกหมายจับ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
การเมืองนับจากนี้ไปก่อนถึงวันปิดสมัยประชุมรัฐสภาจึงมีแต่จะร้อนแรงขึ้น โดยเฉพาะในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่จะมีขึ้นก่อนปิดสมัยประชุมสภา
เรื่องที่จะโฟกัสอภิปรายอาจเป็นเรื่องชายชุดดำ ไม่ใช่เรื่องรับจำนำข้าวอย่างที่เข้าใจกัน
สอดคล้องกับการเดินหน้าของดีเอสไอ ที่ประกาศเร่งทำ 7 คดีที่มีผลกระทบทางสังคมและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ด้วยการตั้งค่าหัวคนร้ายรายละ 1,000,000 บาท
ใครชี้เบาะแสจนจับคนร้ายได้เอาเงินล้านไปเลย
4 ใน 7 คดีที่เร่งทำถือว่าน่าสนใจคือ คดีการเสียชีวิตของ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม และทหาร 5 นายจากการปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ที่ราชดำเนิน
การเสียชีวิตของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ที่ถูกซุ่มยิงจากตึกสูง
การเสียชีวิตของนายฮิโรยูกิ มูราโมโต ช่างภาพญี่ปุ่น และการเสียชีวิตของนายฟาบิโอ โปเลงกี นักข่าวอิตาลี
ใครที่เคยอวดตัวว่ารู้ข้อมูลตื้นลึกหนาบางในการเสียชีวิตของทั้ง 4 คนนี้น่าจะลองส่งข้อมูลให้ดีเอสไอเอาไปสอบขยายผล
สลับฉากไปที่ลานพระแม่ธรณีบีบมวยผม ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เปิดตัวหนังสือ “ความจริงไม่มีสี”
เนื้อหาเล่าถึงสิ่งที่นายอภิสิทธิ์เผชิญเหตุการณ์วิกฤตการเมืองปี 2552-2553 นาทีหนีตายในสถานที่ต่างๆ การใช้ชีวิตและการทำงานบริหารราชแผ่นดินในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์
ที่เป็นไฮไลท์เลยคือ เบื้องลึกเบื้องหลังการตัดสินใจในเหตุการณ์ต่างๆ
ทั้งหมดทั้งมวลเป็นมุมมองของนายอภิสิทธิ์ที่ต้องการบอกเล่ากับแฟนๆที่ติดตามเชียร์
แต่ในอารมณ์ความรู้สึกที่ต่างออกไปกลับเป็นผู้นำทหารอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่พักหลังมองโลกในความเป็นจริงมากขึ้น
อย่าพูดกันไปมาว่ามีชายชุดดำหรือไม่ ต้องเอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาพูดว่ามีผู้บาดเจ็บ สูญเสียทั้งสองฝ่าย คือเจ้าหน้าที่และประชาชน...
เมื่อเกิดเหตุบาดเจ็บ สูญเสียทั้งสองฝ่าย ถ้าประชาชนสูญเสียข้างเดียว แน่นอนว่าต้องหมายถึงเจ้าหน้าที่ เพราะถืออาวุธเพียงฝ่ายเดียว แต่ทำไมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีเจ้าหน้าที่เสียชีวิต ขอให้มองในมุมกลับ...”
ผู้นำทหารยังมองว่าเหรียญมีสองด้าน ผิดกับฝ่ายการเมืองที่ยังผิดไม่ได้ ผิดไม่เป็น ไม่ยอมรับความผิดพลาด
สวนทางกับตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมที่ล่าสุดพุ่งสูงเป็น 99 รายแล้ว จากคำยืนยันของ พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่เข้าให้ข้อมูลกับคณะทำงานพิจารณาเรื่องการตรวจสอบข้อเท็จจริงการชุมนุมของ นปช. ว่ามีชายชุดดำร่วมในการชุมนุมหรือไม่ โดยมีนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน
ใน 99 ศพ ดีเอสไอส่งเรื่องให้ตำรวจชันสูตรพลิกศพทำสำนวนส่งอัยการยื่นศาลไต่สวน 35 ศพที่มีพยานหลักฐานว่าเกิดจากฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐ
แม้พรรคประชาธิปัตย์จะใช้กลไกที่มีอยู่เต็มที่เพื่อตามหาชายชุดดำที่ถูกโยนให้เป็นแพะว่าเป็นคนฆ่า เป็นคนเริ่มต้นใช้ความรุนแรง
แต่ก็มีคนตั้งคำถามเหมือนกันว่า หากเห็นชายชุดดำใช้ความรุนแรง ถืออาวุธไล่ยิงเจ้าหน้าที่ ยิงประชาชน ทำไมพลแม่นปืนที่ขึ้นไปอยู่บนตึกสูงตั้งมากมายไม่ส่องหัวให้กระจุยเอามาโชว์เป็นหลักฐานยืนยันคำพูดสักคนสองคน
ไฉนคนที่ถูกส่องหัวมีแต่ประชาชนมือเปล่า
เวลากว่า 2 ปีหลังสิ้นเสียงปืนนัดสุดท้าย เรื่องราวต่างๆกำลังถูกเคี่ยวให้งวดขึ้น สถานการณ์ตอนนี้จึงเหมือนรถขนไก่ใกล้โรงเชือด
ก็ต้องมีการจิกตี ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวมากหน่อยเป็นธรรมดา เพราะไม่ว่าใครก็รักตัวกลัวตาย ไม่อยากตกเป็นผู้ต้องหา ไม่อยากไปอยู่ในคุก
หลังปิดสมัยประชุมสภาคงได้เห็นว่ามีหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาส่งถึงใครบ้าง
ที่มา.หนังสือพิมพ์โลกวันนี้
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น