การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แปลงโฉมรัฐบาลเป็น “ยิ่งลักษณ์ 3”
มาเร็วเคลมเร็วประดุจสายฟ้าฟาด
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยื้อยุดกันอยู่พักใหญ่ เพราะต้องการให้ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อเอารัฐมนตรีที่นั่งทำงานร่วมกันเป็นกันชนให้นายกฯหญิงในสภาช่วงปลายเดือน พ.ย. ไปก่อน
แต่เมื่อมีสัญญาณพิเศษมาก็ต้องรีบปรับด่วน
20 ตำแหน่งที่มีการปรับเปลี่ยนทั้งย้ายไปนั่งทำงานที่อื่น ถูกเปลี่ยนตัวออกให้คนอื่นเข้ามาทำงานแทน ถือว่าเยอะ เพราะมีแค่ 16 ตำแหน่งเท่านั้นที่ได้นั่งอยู่ที่เดิม
ใครเป็นใคร ได้นั่งตำแหน่งไหน อาจพอเห็นหน้าค่าตากันไปบ้างแล้วตามสื่อต่างๆ
แต่อะไรที่ทำให้ได้ขึ้นมาทำหน้าที่ คือสิ่งที่จะต้องพูดกัน
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ที่ลุกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แทนนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ที่ลาออกไปก่อนหน้านี้ ก็ชัดเจนว่าเป็นรางวัลตอบแทนที่จะมานั่งเป็นหนังหน้าไฟในตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่จะลงมติเลือกกันวันที่ 30 ต.ค. นี้อีกตำแหน่ง
นายยุคล ลิ้มแหลมทอง ก้าวขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แทนนายธีระ วงศ์สมุทร ที่ตัดสินใจลาออก เพราะไม่อาจทนต่อรัฐมนตรีเงาที่เข้ามาก้าวก่ายสั่งงานแทนแทบทุกเรื่องได้
บุคลิกของนายยุคลน่าจะยอมรับสภาพได้มากกว่า เพราะเป็นลูกหม้อของผู้ยิ่งใหญ่จากสุพรรณบุรีมานาน
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จากรัฐมนตรีช่วยว่าการ ถูกดันขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นั่นก็หมายความว่าถูกถอดชื่อออกจากแคนดิเดตชิงเก้าอี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่จะมีการเลือกตั้งกันต้นปีหน้าเรียบร้อย
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ โยกไปเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก็เพื่อยกกระทรวงเกษตรฯให้พรรคชาติไทยพัฒนาดูแลเองทั้งหมดตามคำขอของเจ้าของพรรคที่วิ่งขอเอง
ส่วนนายณัฐวุฒิที่เสียรังวัด สูญเครดิตจากการแก้ปัญหาราคายางพาราไปมาก ต้องลุกออกมาแต่งตัวใหม่ในตำแหน่งที่พอจะสร้างผลงานได้
สำหรับคนจากบ้านเลขที่ 111 ที่เข้ามา ทั้งนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ที่จะเป็นรองนายกรัฐมนตรีควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายวราเทพ รัตนากร ที่จะเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ที่จะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
ทั้งหมดล้วนเป็นสายตรงของนายใหญ่และนายหญิง
ที่สำคัญการให้คนกลุ่มนี้เข้ามารับประกันซ่อมฟรีว่าไม่มีการแย่งซีนผู้นำจากนายกรัฐมนตรี ต่างจากคนที่หลุดโผไปอย่างนายจาตุรนต์ ฉายแสง เพราะบารมีทางการเมืองขี่กันอยู่
ที่เป็นไฮไลท์เลยคือ การไม่มีชื่อติดโผรัฐมนตรีของนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง ที่ไม่มีเก้าอี้เป็นรางวัลให้กับการทำงานแบบเสี่ยงตายถวายชีวิต
ไม่มีเก้าอี้ปลอบใจหลังต้องกระเด็นจากการเป็น ส.ส. ทั้งที่ก่อนหน้านี้แทบจะนอนมาในทุกโผ และมีคำมั่นสัญญาจากนายใหญ่ว่าเหมาะสมเป็นรัฐมนตรี
ว่ากันว่าที่นายจตุพรไม่ได้ตำแหน่งใดใน ครม.ยิ่งลักษณ์ 3 เป็นเพราะมีแรงเสียดทานจากภายนอกเข้ามาอย่างหนัก ที่ไม่ต้องการให้มีตำแหน่งเสนาบดี
ประกอบกับคนในพรรคบางส่วนก็เห็นดีเห็นงามไม่อยากให้เข้ามาเป็นรัฐมนตรีสายล่อฟ้า เพราะ “อำมาตย์ไม่ชอบ กองทัพก็ไม่ปลื้ม” ที่จะร่วมงานด้วย
นายจตุพรจึงต้องกลืนเลือดก้มหน้ายอมรับในความน้อยวาสนาของตัวเอง
แต่ก็ยังไม่วายมีคำปลอบใจปนให้ความหวังว่าจะได้ตั๋วนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีแน่นอนในการปรับครั้งต่อไปที่ขีดวงไว้ว่าจะเกิดขึ้นราวกลางปีหน้า
ที่มา.หนังสือพิมพ์โลกวันนี้
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยื้อยุดกันอยู่พักใหญ่ เพราะต้องการให้ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อเอารัฐมนตรีที่นั่งทำงานร่วมกันเป็นกันชนให้นายกฯหญิงในสภาช่วงปลายเดือน พ.ย. ไปก่อน
แต่เมื่อมีสัญญาณพิเศษมาก็ต้องรีบปรับด่วน
20 ตำแหน่งที่มีการปรับเปลี่ยนทั้งย้ายไปนั่งทำงานที่อื่น ถูกเปลี่ยนตัวออกให้คนอื่นเข้ามาทำงานแทน ถือว่าเยอะ เพราะมีแค่ 16 ตำแหน่งเท่านั้นที่ได้นั่งอยู่ที่เดิม
ใครเป็นใคร ได้นั่งตำแหน่งไหน อาจพอเห็นหน้าค่าตากันไปบ้างแล้วตามสื่อต่างๆ
แต่อะไรที่ทำให้ได้ขึ้นมาทำหน้าที่ คือสิ่งที่จะต้องพูดกัน
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ที่ลุกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แทนนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ที่ลาออกไปก่อนหน้านี้ ก็ชัดเจนว่าเป็นรางวัลตอบแทนที่จะมานั่งเป็นหนังหน้าไฟในตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่จะลงมติเลือกกันวันที่ 30 ต.ค. นี้อีกตำแหน่ง
นายยุคล ลิ้มแหลมทอง ก้าวขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แทนนายธีระ วงศ์สมุทร ที่ตัดสินใจลาออก เพราะไม่อาจทนต่อรัฐมนตรีเงาที่เข้ามาก้าวก่ายสั่งงานแทนแทบทุกเรื่องได้
บุคลิกของนายยุคลน่าจะยอมรับสภาพได้มากกว่า เพราะเป็นลูกหม้อของผู้ยิ่งใหญ่จากสุพรรณบุรีมานาน
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จากรัฐมนตรีช่วยว่าการ ถูกดันขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นั่นก็หมายความว่าถูกถอดชื่อออกจากแคนดิเดตชิงเก้าอี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่จะมีการเลือกตั้งกันต้นปีหน้าเรียบร้อย
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ โยกไปเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก็เพื่อยกกระทรวงเกษตรฯให้พรรคชาติไทยพัฒนาดูแลเองทั้งหมดตามคำขอของเจ้าของพรรคที่วิ่งขอเอง
ส่วนนายณัฐวุฒิที่เสียรังวัด สูญเครดิตจากการแก้ปัญหาราคายางพาราไปมาก ต้องลุกออกมาแต่งตัวใหม่ในตำแหน่งที่พอจะสร้างผลงานได้
สำหรับคนจากบ้านเลขที่ 111 ที่เข้ามา ทั้งนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ที่จะเป็นรองนายกรัฐมนตรีควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายวราเทพ รัตนากร ที่จะเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ที่จะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
ทั้งหมดล้วนเป็นสายตรงของนายใหญ่และนายหญิง
ที่สำคัญการให้คนกลุ่มนี้เข้ามารับประกันซ่อมฟรีว่าไม่มีการแย่งซีนผู้นำจากนายกรัฐมนตรี ต่างจากคนที่หลุดโผไปอย่างนายจาตุรนต์ ฉายแสง เพราะบารมีทางการเมืองขี่กันอยู่
ที่เป็นไฮไลท์เลยคือ การไม่มีชื่อติดโผรัฐมนตรีของนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง ที่ไม่มีเก้าอี้เป็นรางวัลให้กับการทำงานแบบเสี่ยงตายถวายชีวิต
ไม่มีเก้าอี้ปลอบใจหลังต้องกระเด็นจากการเป็น ส.ส. ทั้งที่ก่อนหน้านี้แทบจะนอนมาในทุกโผ และมีคำมั่นสัญญาจากนายใหญ่ว่าเหมาะสมเป็นรัฐมนตรี
ว่ากันว่าที่นายจตุพรไม่ได้ตำแหน่งใดใน ครม.ยิ่งลักษณ์ 3 เป็นเพราะมีแรงเสียดทานจากภายนอกเข้ามาอย่างหนัก ที่ไม่ต้องการให้มีตำแหน่งเสนาบดี
ประกอบกับคนในพรรคบางส่วนก็เห็นดีเห็นงามไม่อยากให้เข้ามาเป็นรัฐมนตรีสายล่อฟ้า เพราะ “อำมาตย์ไม่ชอบ กองทัพก็ไม่ปลื้ม” ที่จะร่วมงานด้วย
นายจตุพรจึงต้องกลืนเลือดก้มหน้ายอมรับในความน้อยวาสนาของตัวเอง
แต่ก็ยังไม่วายมีคำปลอบใจปนให้ความหวังว่าจะได้ตั๋วนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีแน่นอนในการปรับครั้งต่อไปที่ขีดวงไว้ว่าจะเกิดขึ้นราวกลางปีหน้า
ที่มา.หนังสือพิมพ์โลกวันนี้
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น