--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556

การเมืองไทย-กัมพูชา จบแบบไหน.

วิกฤติการเมืองไทยกลับสู่จุด เดือดทางออกมีหลายทาง แต่ไม่มีใครยอมออก ต่างมีจุดยืนของตัวเอง กลาย เป็น..ตัวกู..ของกู..

วิกฤติการเมืองไม่ได้มีเฉพาะประเทศไทย ประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชาก็กำลังเจอภาวะคล้ายคลึงกัน ผู้ชุมนุมนับหมื่นปักหลักประท้วงนายก-รัฐมนตรี สมเด็จฮุนเซน ชนิดไม่เคยเกิดมาก่อน

เหตุเนื่องมาจากการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคม 2556 พรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) ของนายสม รังสี ซึ่งเป็นพรรคคู่แข่งประกาศไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง โดยให้เหตุผลว่าพรรครัฐบาลของสมเด็จฮุนเซนโกงการเลือกตั้ง โดยผลการเลือกตั้งประกาศว่า พรรคของนายกรัฐมนตรีฮุนเซนเป็นฝ่ายชนะได้ 68 ที่นั่ง จากทั้งหมด 123 ที่นั่ง และพรรค CNRP ของนายสม รังสี ได้ไป 55 ที่นั่ง แต่พรรค CNRP ปฏิเสธที่จะยอมรับผลดังกล่าว อ้างว่ามีความผิดปกติร้ายแรงเกิดขึ้นในระหว่างการเลือกตั้ง

ท่าทีดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจาก กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยากเห็นการเปลี่ยน แปลงอย่างล้นหลาม การชุมนุมเริ่มก่อตัวมาตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม และเริ่มรุนแรงขึ้นช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลงง่ายๆ

โดยคำแถลงของพรรค CNRP ระบุว่าจะจัดการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 10 ธ.ค. ที่ตรงกับวันสิทธิมนุษยชนสากล ใน จ.เสียมราฐ และจัดชุมนุมประท้วงอีกครั้งในวันที่ 15 ธ.ค. ที่สวนเสรีภาพในกรุงพนมเปญ และยิ่งไปกว่านั้น นับตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. พรรคจะจัดการชุมนุมประท้วงทุกๆ วันอาทิตย์

สำนักข่าวซินหวารายงานว่า ข้อเรียกร้องของพรรค CNRP ยังคงเป็นข้อเรียกร้องเดิมคือ ต้องการจัดให้มีการสอบสวนย้อนหลัง ในข้อกล่าวหาว่ามีความผิดปกติระหว่างการเลือกตั้งในเดือนมิถุนายน โดยองค์กรอิสระ หาก ยังไม่มีการสอบสวนการเลือกตั้งครั้งดังกล่าว พรรคกู้ชาติกัมพูชาจะยังคงคว่ำบาตรรัฐสภาต่อไป

บรรยากาศการประท้วงก็ไม่ต่างจากบ้านเรา มีการขว้างปาก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตา มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย ได้รับบาดเจ็บหลายราย ทั้งฝ่ายผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ นายเจียม เยียบ สมาชิกอาวุโสของพรรคประชาชนกัมพูชา ที่เป็นพรรครัฐบาล กล่าวว่า การชุมนุมประท้วงเป็นสิทธิของฝ่ายค้านที่สามารถทำได้ แต่ต้องปฏิบัติภายใต้กฎหมาย การชุมนุมเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม

เช่นเดียวกับการเมืองบ้านเราเต็มไปด้วยความสับสนอลหม่าน จากปัญหาต่อต้านพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม บานปลายกลายเป็นต่อต้านรัฐบาล ต้อง การล้มล้างระบอบทักษิณ จัดตั้งสภาประชาชนขึ้นมาบริหารประเทศแทน ซึ่งมีทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนถาโถมเข้ามา ด้วยบทสรุปว่าทางออกที่ดีที่สุดน่าจะเป็นการเจรจากัน

ดังความคิดเห็นของเครือข่ายภาคเอกชน อันได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ตลาดหลัก ทรัพย์แห่งประเทศไทย และสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย เรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติความขัดแย้งและการกระทำที่นำไปสู่อุบัติการณ์ที่ร้ายแรง ซึ่งได้ทำความเสียหายต่อชีวิตทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศ และอาจจะลุกลามโดยไม่มีข้อยุติ จึงเรียกร้องร่วมกัน ดังนี้

1.ภาคเอกชนพร้อมที่จะร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อหาทางออกให้กับประเทศไทย โดยยึดถือหลักการของกฎหมาย ความถูกต้องชอบธรรม ตามหลักของการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี โดยจะร่วมกับสถาบันต่างๆ อาทิ สถาบันภาคเอกชน สถาบันการศึกษา สถาบันสื่อมวลชน รวมทั้งผู้ที่เป็นที่ยอมรับของสังคม

2.ปัญหาข้อขัดแย้งควรแก้ไขด้วยการเจรจา ไม่ใช้ความรุนแรงหรือการกระทำที่ไม่เคารพกฎหมายและกติกาประชาธิปไตย ทั้งนี้ ภาคเอกชน พร้อมที่จะให้การสนับสนุนแก่ทุกๆ ฝ่าย ที่ได้ริเริ่มให้มีการเจรจากันแล้ว และยินดี เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการทุกทางที่จะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศอันเป็นที่รักของเรา

3.การแสดงความเห็นทางการเมืองเป็นสิทธิอันชอบธรรมภายใต้กรอบแห่งกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนไม่เห็นด้วยกับกระบวนการที่ทำให้เกิดความรุนแรงในการแก้ไขปัญหาของชาติ ผู้ที่ใช้ความรุนแรงจนทำให้ประชาชนได้รับความเสียหาย และเสียเลือดเนื้อ จะถูกจดจำและบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์

4.ภาคเอกชน เห็นว่าหนทางหนึ่งที่จะนำไปสู่สันติ คือการทำตามกติกาโดยหาทางออกในวิถีประชาธิปไตย เพื่อไม่ให้สถานการณ์บ้านเมืองเป็นไปในลักษณะเดิมภายหลังจากการเลือกตั้ง ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาอย่างที่ผ่านมา จึงขอเสนอให้มีการเจรจาระหว่างผู้ที่เกี่ยว-ข้องทุกฝ่ายเพื่อให้มีข้อยุติเบื้องต้นก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง โดยมีผู้แทนองค์กรที่เป็นที่ยอมรับของทุกๆ ฝ่าย ร่วมในการเจรจาประเด็นต่างๆ

ซึ่งหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้อยู่อย่างยืดเยื้อ ก็จะทำให้ประเทศไทยถูกจัดเป็น "Failed State" และ/หรือ "อนาธิปไตย" ทั้งนี้ ภาคเอกชนจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลและกลุ่มผู้ชุมนุม ได้โปรดหาทางออกให้กับประเทศของเราอย่างสันติวิธีโดยเร็ว

ไทยกับกัมพูชา ใครจะหาทาง ออกได้ก่อนกัน ใครจะถูกทิ้งไว้ปลายแถวกลุ่มประเทศอาเซียน!!!

ที่มา.สยามธุรกิจ
----------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น