--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ไม่ชอบใจ 2 พรรคใหญ่ ก้อยังมีพรรคทางเลือกที่ 3

ยิ่งนับวันอาการ จบไม่ลง.. ของการเมืองไทยยิ่งชัดเจนมากยิ่งขึ้นทุกที ตราบเท่าที่การเจรจาเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ ยังวนเวียนอยู่กับความต้องการส่วนตัวที่สวนทางกับความเป็นจริง
ฝ่ายรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็ยืนยันว่าถอยเต็มที่แล้ว หากถอยมากกว่านี้ก็จะผิดกฎหมาย ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องโดนเล่นงานด้วยมาตรา 157 อีก หากทำตามเสียงเรียกร้องของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส.

น้ำตาคลอให้เห็นกันทั่วประเทศ และแพร่ภาพออกไปทั่วโลก ว่าจะเล่นงานกันถึงขั้นไม่ให้มีที่ยืนบนแผ่นดินไทยกันเลยอย่างนั้นหรือ???

เล่นเอานายสุเทพ ต้องออกมาว่า ไม่มีสิทธิที่จะเนรเทศใครได้ เพราะหากทำเช่นนั้นก็ผิดกฎหมาย
จึงเป็นที่ชัดเจนว่าลึกๆแล้วนายสุเทพก็กลัวกฎหมายเหมือนกัน เพียงแต่เลือกที่จะกลัว หรือเลือกที่จะเล่นกับกฎหมายในหลายๆเรื่องที่สามารถช่วยให้เป็นต่อได้ในการตรึงจำนวนประชาชนที่มาร่วมชุมนุม
ซึ่งก็จริงอย่างที่นายสุเทพพูด ว่าไม่มีอำนาจที่จะเนรเทศใคร ไม่ว่านางสาวยิ่งลักษณ์ หรือคนในตระกูลชินวัตรทุกคน

แต่การยอมรับความจริว่าไม่ได้เป็นบุคคลที่อยู่ในสถานะที่จะเนรเทศใครได้ตามอำเภอใจก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านายสุเทพจะใจอ่อนในศึกช่วงชิงอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมืองในครั้งนี้

เพราะนายสุเทพยังคงยืนกรานเช่นเดิมว่า นางสาวยิ่งลักษณ์จะต้องลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี จะมาทำหน้าที่รักษาการระหว่างที่จะมีการเลือกตั้งและมีรัฐบาลชุดใหม่ไม่ได้

หากไม่ออกตามที่ยื่นคำขาด นายสุเทพก็จะตรึงประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุมต่อต้านรัฐบาลที่เกลียดชังทักษิณ ให้อยู่ยืดเยื้อไปเรื่อยๆแบบ “นัน สต๊อป”

ที่สำคัญไม่ได้ยิ่นคำขาดแต่เฉพาะกับนางสาวยิ่งลักษณ์เท่านั้น ยังสั่งให้ข้าราชการระดับสูงทั้งข้าราชการเหล่าทัพ และข้าราชการพลเรือนให้มารายงานตัวกับนายสุเทพ ประหนึ่งว่าเป็นการทำปฏิวัติรัฐประหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

รวมทั้งออกคำสั่งต่อ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ให้ทำตามคำสั่งของนายสุเทพโยเคร่งครัด
ทำให้มีการลือกันกระฉ่อนว่า การที่นายสุเทพ มั่นใจสูงลิบขนาดนี้ คงเป็นเพราะมีทีเด็ดกบไต๋เอาไว้ในมือ ซึ่งก็วิเคราะห์กันว่านอกจากขั้วอำนาจพิเศษต่างๆหนุนหลังแล้ว หรือว่าบรรดาผู้นำกองทัพก็แอบหนุนหลังนายสุเทพ อย่างที่นายสุเทพพยายามจะแสดงออกให้รับรู้กันกลายๆอยู่ตลอดเวลา

ล่าสุดก็มีการปล่อยข่าวออกมาว่า นายสุเทพได้มีการไปพบปะกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมชุดรัฐบาลประชาธิปัตย์ โดยที่มี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่านจินดา อดีต ผบ.ทบ.คนก่อนหน้า และ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.คนปัจจุบันร่วมอยู่ในเหตุการณ์ด้วย

ข่าวลือเรื่อง แก๊ง “3ป.”ก็เลยยิ่งกระหึ่มหนักขึ้นไปอีก... ยิ่งทำให้เชื่อมากขึ้นไปอีกว่าดูท่าทหารคงจะหนุนหลังนายสุเทพแล้วจริงๆ

แต่เอาเข้าจริงๆกลายเป็นหนังคนละม้วน เพราะบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร บอกไม่เคยพบ กำลังดูหนังอยู่ที่บ้าน แถมไม่ค่อยสบายเป็นหวัดอีกต่างหาก ส่วน บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ ก็อยู่ต่างประเทศ แล้วจะพบกับนายสุเทพได้อย่างไร

เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วไม่รู้ที่สิ่งที่นายสุเทพพยายามแสดงออกให้ผู้คนเข้าใจไปเอง หรือข่าวลือที่ถูกปล่อยออกมานั้น ตรงข้ามกับความจริงชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ

หรือนั่นแปลว่าการศึกครั้งนี้ยังไม่บรรลุผลที่ต้องการ ฉะนั้นก็ต้องสู้กันต่อไป ก็ต้องตรึงประชาชนที่ออกมาแสดงพลังให้อยู่ต่อไปเรื่อยๆให้ได้

ซึ่งเมื่อมองในแง่มุมนี้แล้ว โอกาสในการเจรจาเพื่อที่จะหาทางออกให้กับประเทศชาติ ระหว่างรัฐบาลกับนายสุเทพ คงเป็นเรื่องยากราวกับเข็นครกขึ้นภูเขานั่นเลยทีเดียว

เพราะแม้แต่นักวิชาการในยามนี้ จะชัดเจนว่าแบ่งแยกแตกขั้วทางความคิดกันไปแล้วด้วยเช่นกัน อันเป็นผลมาจากการประกาศตั้งสภาประชาชน การประกาศตั้งนายกรัฐมนตรีรักษาการคนใหม่ การประกาศให้นางสาวยิ่งลักษณ์ลาออก ไม่ต้องทำหน้าที่รักษาการตามที่มีบทบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

นักวิชการที่สนับสนุนและเลือกยืนฝั่งนายสุเทพ ก็พยายามพลิก เฟ้นหาเหตุผลสารพัดขึ้นมากล่าวอ้างว่าทำได้ ในขณะที่นักวิชาการที่ยึดแนวทางรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยก็ยืนยันว่าทำไม่ได้

ที่หัวหมุนเป็นลูกข่าง หรือมึนตึ๊บเหมือนจิ่งหรีดถูกปั่นหัว ก็หนีไม่พ้นประชาชนทั้งหลายนั่นแหละ ตกลงทำได้หรือทำไม่ได้กันแน่ พวกอาจารย์นักวิชาการเหล่านี้เรียนมาตำราเล่มเดียวกันหรือเปล่า???

แล้วแบบนี้จะไปสอนลูกศิษย์ลูกหาอย่างไร ออกข้อสอบมาจะใช้ธงคำตอบของใคร เด็ไทยไม่สอบตกกันยกประเทศหรือ หากตอบแล้วไม่ถูกใจอาจารย์เพราอาจารย์ดันทะลึ่งมีขั้วสี

มิน่าการศึกษาไทยถึงได้ล้าหลัง ร่วงไปเป็นอันดับที่ 8 ของชาติในอาเซียน ก็เพราะมีครูบาอาจารย์ที่ไม่แยกแยะระหว่างการศึกษากับขั้วสีที่ชื่นชอบนี่แหละ

เพราะแบบนี้หรือไม่ที่แม้จะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาแล้ว และได้กำหนดให้วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 เป็นวันเลือกตั้งใหญ่ เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ แต่ความรู้สึกของผู้คนในสังคมไทยก็ยังเชื่อว่า ต่อให้มีเลือกตั้งเกิดขึ้นได้ แต่ปัญหาก็คงไม่จบ เพราะนายสุเทพบอกแล้วว่า จะไม่รับผลการเลือกตั้งของประชาชน หากว่ายังไม่ยอมให้นายสุเทพจัดระเบียบจัดกติกาใหม่เสียก่อน

รวมไปถึงพรรคประชาธิปัตย์เองก็ทำท่าว่า หากลงสมัครแล้วจะแพ้อีกเป็นปีที่ 22 ของความพ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้ง ก็อาจจะบอยคอต ไม่ลงเลือกตั้งทั้งพรรคอีก ในเมื่อของมันเคยๆทำมาแล้วก็ไม่ยากหากจะทำอีก

หลายคนจึงกังวลว่า แล้วแบบนี้การเลือกตั้งจะช่วยให้ปัญหาจบได้หรือ

ท่าทีระหว่างนายสุเทพ กับ รัฐบาล ที่เป็นไปในลักษณะพูดกันไม่รู้เรื่องเช่นนี้ หากเป็นเรื่องพิษรักเรื่องปัญหาครอบครัวแบบบ้านๆแล้ว มีหวังต้องจบลงแบบที่เป็นข่าวเศร้าให้เห็นในสังคมไทยมาตลอดนั่นแหละ คือต้องฆ่ากันตายไปข้างนึง ประเภทเมียตาย ผัวติดคุก หรือไม่ก็ผัวตายตามไปด้วยนั่นแหละ
แต่เพราะนี่เป็นเรื่องของบ้านเมือง เป็นเรื่องของอนาคตของประเทศชาติ เป็นเรื่องของภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาของคนทั่วโลก ฉะนั้นไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องยึดกติกาของระบอบประชาธิปไตยที่ทั่วโลกเขายึดถือกัน หากว่าไทยเรายังอยากเป็นสมาชิกของประชาคมโลกอยู่ต่อไป

จึงเห็นด้วยกับการเลือกตั้ง ให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศจริงๆได้มีสิทธิออกเสียงเลือกอนาคตของประเทศชาติด้วยมือของทุกคน ไม่ใช่ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้

ฉะนั้นจึงได้ยืนยันในเรื่องของการเลือกตั้ง และเรื่องของการหาทางออกด้วยพรรคทางเลือกใหม่ๆ
ก็เหมือนกับที่ นางสดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ ที่พูดถึงข้อเสนอของกลุ่ม กปปส.ที่ให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีลาออกจากรัฐบาลรักษาการว่า หากนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีลาออก จะเกิดสูญญากาศทางการเมืองและมีปัญหาต่อการจัดการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ทันที

จึงขอให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีอย่าลาออก อยากให้สู้มากกว่านี้ เพราะเมื่อเกิดสูญญากาศ ก็จะนำไปสู่สิ่งที่ผู้ชุมนุมเรียกร้อง อีกทั้งขณะนี้ก็เหมือนการปฏิวัติแล้ว เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบจากอดีตที่เคยใช้กำลังทหารมาเป็นประชาชน แต่ยังเป็นการปฏิวัติที่ไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ถ้านายกฯ ลาออก ก็อาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้

สถานการณ์ขณะนี้ก็เปรียบเหมือนการปฏิวัติอย่างที่ได้กล่าวไว้ ทำสำเร็จก็มีอำนาจ เช่นเดียวกันเมื่อยึดอำนาจเสร็จ ก็ประกาศนิรโทษกรรมให้ตัวเอง การเมืองเป็นเรื่องของอำนาจ มีอำนาจอะไรที่อยู่ข้างหลังอีกหรือเปล่า เราก็ไม่ทราบ รัฐบาลก็ต้องต่อสู้กันต่อไป”

ชัดเจนว่า กกต.สดศรีเห็นด้วยกับการที่จะต้องมีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557
ส่วนที่มีคำถามมายังกอง บก.บางกอก ทูเดย์ ว่า แล้วจะเลือกพรรคใด หากไม่เลือกพรรคเพื่อไทย ไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ แล้วจะมีพรรคทางเลือกใหม่เกิดขึ้นมาให้เลือกทันการเลือกตั้งครั้งนี้หรือ???
ถ้าไม่มีพรรคทางเลือกใหม่ๆแล้วจะทำอย่างไร?

ที่สำคัญถ้าพรรคประชาธิปัตย์บอยคอต การเลือกตั้งจะไม่ล้มหรือ? จะไม่มี ส.ส.ภาคใต้หรือ?

แต่ในความเป็นจริงไม่ได้น่าวิตกเช่นนั้น เพราะพรรคทางเลือกใหม่ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีพรรคตั้งขึ้นมาใหม่เพียงอย่างเดียว พรรคการเมืองที่มีอยู่ในเวลานี้ ก็สามารถจะเป็นทางเลือกให้กับทางออกของประเทศไทยได้เช่นกัน

วันนี้พวกบ้านเลขที่ 109 ได้พ้นโทษแบนเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา หากไม่เลือกเพื่อไทย ไม่เอาประชาธิปัตย์ ทำไมจะเลือกพรรคชาติไทยพัฒนา เลือกนายบรรหาร ศิลปอาชา หรือเลือกพรรคชาติพัฒนา เลือกนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ให้มาเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้

ถ้าพร้อมใจกันเลือกให้พรรคชาติไทยพัฒนา หรือพรรคชาติพัฒนา มีเสียง ส.ส.มากเป็นอันดับ 1 ทำไมนายสุวัจน์ หรือนายบรรหารจะเป็นนายกฯไม่ได้

หรือหากว่ายังอยากจะมองทางเลือกอื่น จะลองเลือกพรรคภูมิใจไทย ให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้ลุ้นได้มีความหวังที่จะเป็นายกรัฐมนตรีอย่างที่ฝัน ทำไมจะทำไม่ได้

แม้กระทั่งว่าหากจะสนุกสุดขั้วจะเลือกพรรครักประเทศไทย ของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ก็ถือว่าเป็นไปตามกติกาประชาธิปไตย

ส่วนที่กลัวว่า ส.ส.ภาคใต้จะไม่มีหากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สั่งให้ประชาธิปัตย์บอยคอต รอบนี้ก็ไม่ต้องห่วง เพราะมีพรรคมาตุภูมิ ของ พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน ที่พร้อมจะยึดหัวหาดภาคใต้อยู่แล้ว หากประชาธิปัตย์ฝืนจะเล่นมุกเดิมๆ ครั้งนี้ตายหยังเขียดแน่นอน

ฉะนั้นในกติกาประชาธิปไตย ในระบบการเลือกตั้ง ประชาชนคนไทย 67 ล้านคนยังสามารถที่จะแสดงพลังบริสุทธิ์ได้อยู่ โดยไม่ต้องไปใส่ใจกับ 2 ขั้วความขัดแย้งที่แย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมืองกันอยู่ในเวลานี้

หากประชาชนเห็นว่า นักการเมืองที่มีประสบการณ์สูง มีสไตล์สมานฉันท์อย่างนายสุวัจน์ สมควรเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เมืองไทยพ้นปลักความชัดแย้งเพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ ก็ต้องเลือกพรรคชาติพัฒนากันเยอะๆ ให้ชนะขาดไปเลยยิ่งดี

หรือถ้าคิดว่าต้องการให้นายบรรหารเป็นายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 ก็ต้องเลือกพรรคชาติไทยพัฒนา
ลองนึกภาพดู สมมุติว่าหากคนที่เกลียดทักษิณไม่เอาเพื่อไทย ก็หันมาเลือกพรรคชาติพัฒนา คนที่ชิงชังรังเกียจพฤติกรรมการเมืองของประชาธิปัตย์ก็หันมาเลือกชาติพัฒนา จากพรรคทางเลือก ก็จะกลายเป็นพรรคใหญ่ขึ้นมาในทันที ถึงวันนั้นพรรคการเมืองที่ปั่นป่วนวุ่นวายทำลายระบบนั่นและที่จะจ๋อย
ฉะนั้น 2 กุมภาพันธ์ 2557 เลือกพรรคทางเลือกใหม่ พรรคใดก็ได้...
นี่คืออำนาจอธิปไตยของประชาชนที่แท้จริง

ที่มา.บางกอกทูเดย์
---------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น