--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2556

ทูตฯ วีรชัย ยืนยันทำดีที่สุด โปร่งใส ไม่ซ่อนเร้น ผลออกมาอย่างไรก็สบายใจแล้ว !!?


รายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบประชาชน เป็นการสัมภาษณ์  นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และนายวีรชัย พลาศรัย  เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศเนเธอร์แลนด์ ในฐานะผู้นำคณะฝ่ายไทยต่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร เป็นการสัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์ จากกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์   กรณีการแถลงให้การด้วยวาจาในคดีปราสาทพระวิหาร ระหว่าง 15-19 เมษายน 2556  ซึ่งดำเนินรายการโดย จอม เพชรประดับ

นายวีรชัย กล่าวถึง การต่อสู้คดีในครั้งนี้ว่า  มุมมองของเราคือกัมพูชาต้องการขึ้นทะเบียนมรดกโลกฝ่ายเดียว และเสนอแผนที่ที่ล้ำเข้ามาในดินแดนไทย วัดได้ 4.6 ตารางกิโลเมตร ก็เลยเป็นที่มาของ 4.6 ตารางกิโลเมตร แต่เขามองโลกกลับจากเรา เขามองว่าเป็นของเขามาตลอด แต่ผมเอาแผนที่มา เรามองว่ามันเป็นของเรา ก็เลยต้องประท้วงแต่เจรจากันไม่ได้ เขาก็เลยมาฟ้อง เขาเป็นฝ่ายฟ้อง อันนี้ต้องไม่ลืม เราถูกฟ้องก็ต้องป้องกันตัวเองในการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ก่อนหน้าปี 2550 ฝ่ายไทยทุกรัฐบาลก็บอกว่าจะร่วมกัน เราเอาพื้นที่รอบๆไปร่วมกันพัฒนา ส่วนพื้นที่ไหนเป็นของใครก็ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรวางแผนไว้เป็นอย่างนั้น แต่ไปๆมาๆเขาก็ไปขึ้นคนเดียวเลย

เมื่อถามถึงน้ำหนักที่เป็นข้อหักล้างของฝ่ายไทย นายวีรชัย กล่าวว่า มีหลายอย่าง คือ เรื่องเขตแดนอยู่นอกกรอบคดีเดิม วิธีอ้างของเขาอ้างเส้นเขตแดนบนแผนที่ภาคผนวก 1  ประการที่สอง ไม่ได้มีการขัดแย้งกัน แต่อยู่ๆเขามาเปลี่ยนใจ ไม่เอาเรื่องสมัยก่อน ผมก็คิดว่าข้อเท็จจริงอันนี้เราก็แข็งพอสมควร แผนที่เราก็เป็นจุดแข็ง แต่เขากลับไม่สนใจประเด็น เขาไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านแผนที่ด้วยซ้ำ และเรื่องนี้ศาลก็ไม่มีอำนาจพิจารณาเรื่องเขตแดน เพราะมีอำนาจพิจารณาว่าอธิปไตยเหนือปราสาทเป็นของใคร ไม่ใช่เรื่องเขตแดน เมื่อไม่มีอำนาจพิจารณาเรื่องเขตแดน ทำให้ไม่สามารถมาผูกพันเราได้ในเรื่องเขตแดน ผูกพันเฉพาะอธิปไตยเป็นของใครกรณีที่ถูกกัมพูชาวิจารณ์ว่าฝ่ายไทยแพ้แล้วไม่ยอมแพ้ นายวีรชัย กล่าวว่า ยื่นข้อมูลไปให้ศาล 1,300 กว่าหน้าว่ากัมพูชาประท้วงเรามาตลอด แต่ก็ไม่เคยประท้วงเรื่องเราไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ แต่กัมพูชาเขาไม่ได้ยื่นอะไรเลย ดังนั้นเมื่อกัมพูชาจะมาโต้เรา  ก็มาจิ๊กหลักฐานเราไป แต่เราดูแล้วไม่มีตรงไหนเลยที่กัมพูชาร้องเรียนว่าเราไม่ได้ถอน ผมก็คิดว่าหลักฐานเราน่าจะแน่น

"เราไม่ปฏิเสธว่ามีข้อคิดเห็นไม่ตรงกันในเรื่องตีความคำพิพากษา แต่เกิดขึ้นเมื่อปี 2550 ซึ่งเราอยู่กันมาได้  45 ปีไม่เคยมีความเห็นแตกต่าง จะเป็นไปได้อย่างไร เมื่ออยู่มา 45 ปีไม่เคยไปหาตำรวจ ไปแจ้งตำรวจ แต่พออยู่ๆมาหลัง 45 ปีแล้ว ไปแจ้งตำรวจอันนี้ก็คงอยู่กันไม่ได้หรอก "

เมื่อถามถึง ผลการตัดสินที่จะออกมา นายวีรชัย กล่าวว่า เราคงไม่ไปก้าวล่วงอำนาจศาล แต่สิ่งที่เราพูดได้คือ เราทำดีที่สุด และละเอียดที่สุดแล้ว โปร่งใส และวินาทีที่พูดตรวจได้หมด ไม่มีอะไรซ่อนเลย ผมจะออกมาอย่างไรก็สบายใจ

เมื่อถามว่า เปรียบเทียบการทำงานในฐานะที่ผ่านมา 2รัฐบาล ในการทำงานมีความแตกต่างหรือไม่ นายวีรชัย กล่าวว่า ผมคิดว่าไม่ต่าง ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ทุกอย่างแต่ต้นถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่าไม่มีรอยต่อ ทั้งงบประมาณ บุคลากร แม้แต่กำลังใจไม่มีความแตกต่างเลย

เมื่อถามถึง สิ่งที่ประทับใจเนื่องจากคดีนี้เป็นคดีประวัติศาสตร์ของประเทศไทย นายวีรชัย กล่าวว่า ความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทุกฝ่ายให้ความร่วมมือหมดเลย ผมคิดว่าถ้ามีอะไรดีหรือสำเร็จก็เป็นผลงานของพวกเราร่วมกันทั้งหมด

นายวีรชัย ยังได้กล่าวขอบคุณคนไทย และขอบคุณในแง่ข้อมูลที่ส่งให้ ถ้ามีอะไรดีก็เป็นผลงานร่วมกัน และอยากเชิญชวนให้ศึกษาเอกสารที่เว็บไซต์ของกระทรวงต่างประเทศหรือศาลโลก ซึ่งต้องอ่านนาน เป็นเดือน เพราะเมื่อคำพิพากษาออกจะได้เข้าใจได้เร็ว

ที่มา.นสพ.ฐานเศรษฐกิจ
/////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น