--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556

บอร์ด กนง.มีมติด้วยเสียง 5:1 คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.75%


altที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันนี้ (3 เม.ย.) มีมติด้วยเสียง 5 : 1 เสียง คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75% ต่อปี

นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง. ในวันนี้ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ รวมทั้งแนวโน้มในระยะต่อไป เพื่อกำหนด
แนวนโยบายการเงินที่เหมาะสม โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้

เศรษฐกิจโลกยังคงฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นบ้างนับจากการประชุมครั้งก่อนจากวิกฤตเศรษฐกิจการเงินในกลุ่มประเทศยูโร ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจยูโรหดตัวมากกว่าที่คาดไว้เดิมขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน แต่ปัญหาทางการคลังยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ถ่วงการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนเศรษฐกิจญี่ปุ่นมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น จากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงินและการคลัง เศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจเอเชียยังขยายตัวดีต่อเนื่อง จากอุปสงค์ในประเทศเป็นสำคัญ ในขณะที่แนวโน้มการส่งออกดีขึ้นเล็กน้อย

เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 1 ของปี 2556 คาดว่าจะขยายตัวลดลงเข้าสู่แนวโน้มปกติ หลังจากที่เร่งขึ้นมากในช่วงก่อนหน้า คาดว่าในระยะต่อไปอุปสงค์ในประเทศจะยังเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทย โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากรายได้ภาคครัวเรือนและการจ้างงานที่อยู่ในระดับสูง ภาวะการเงินและสินเชื่อที่ผ่อนคลาย และแรงกระตุ้นทางการคลังที่จะทยอยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการบริหารจัดการน้ำและโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่คาดว่าจะเริ่มในช่วงกลางปีถึงปลายปี และมีผลกระตุ้นการลงทุนต่อเนื่องของภาคเอกชน ขณะที่การส่งออกคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นช้าๆ ตามภาวะเศรษฐกิจโลก สำหรับอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย แต่แรงกดดันเงินเฟ้อที่อาจเกิดจาก
ข้อจำกัดด้านอุปทานและต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม

คณะกรรมการฯ มีความเห็นว่า ภายใต้ภาวะที่เศรษฐกิจโลกยังมีความเปราะบาง การดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนปรนต่อไปยังคงมีความเหมาะสม แต่จะต้องระมัดระวังความเสี่ยงด้านเสถียรภาพการเงิน รวมทั้งความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและเงินทุนที่เคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็ว คณะกรรมการฯ จึงมีมติ 5 ต่อ 1 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2.75 ต่อปี โดยกรรมการ 1 ท่านเห็นสมควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 ต่อปี

ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ จะติดตามพัฒนาการของเศรษฐกิจไทยและความเสี่ยงด้านเสถียรภาพการเงินอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะปรับนโยบายการเงินตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

ในการประชุมครั้งนี้ กรรมการ 1 ท่าน ติดภารกิจในต่างประเทศจึงไม่สามารถเข้าร่วมประชุม
ที่มา.นสพ.ฐานเศรษฐกิจ
///////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น