เพียงแค่ที่ประชุมร่วมรัฐสภารับร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ ที่ฝ่าย ส.ส.เสียงข้างมาก ผนึกกำลังกับ ส.ว.สายเลือกตั้งร่วมกันเสนอต่อประธานรัฐสภา จนมีเสียงสนับสนุนเกินครึ่งของ 2 สภา แต่กลับถูกแรงค้าน แรงต้านตั้งแต่ยกแรก
ไม่ต่างจากร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศวงเงิน 2 ล้านล้านบาท หรือ พ.ร.บ. 2 ล้านล้าน เพียงแค่สภาผู้แทนราษฎรรับหลักการวาระที่ 1 ก็ถูกจองกฐิน เตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญไว้ล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราทั้ง 3 ฉบับ
ไม่ว่าจะเป็นร่าง พ.ร.บ. 2 ล้านล้าน ล้วนถูกฝ่ายค้านและ ส.ว.สายสรรหา-ตั้งธงใช้ช่องทางยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความทั้งสิ้น ทำให้บรรทัดสุดท้าย
ชะตากรรมของร่างกฎหมายที่รวมกันเป็น 4 ร่าง ต้องอยู่ในอุ้งมือของศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ชี้ขาดว่าจะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เป็น 2 ขวากหนามที่ไม่ปล่อยให้ร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านสภาได้โดยสะดวก
ขวากหนามที่ 1.ส.ว.สายสรรหา โดย "สมชาย แสวงการ" ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าประธานรัฐสภาและคณะ กระทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญอันขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่
ขวากหนามที่ 2 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์-ส.ว.สายสรรหา เตรียมร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยตีความร่าง พ.ร.บ. 2 ล้านล้าน หลังกระบวนการพิจารณากฎหมายผ่านชั้นพิจารณาของ ส.ส.และ ส.ว. ในวาระที่ 3 แล้วเสร็จ โดยจะยื่นให้ศาลตีความก่อนประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา
เนื่องจากขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 169 ที่กำหนดว่า การใช้จ่ายเงินแผ่นดินจะทำได้เฉพาะที่ได้รับอนุญาตไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย เว้นแต่กรณีเร่งด่วน ทั้ง 2 ขวากหนาม แม้ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย จะประเมินว่า "ไม่น่าห่วง"
แต่ก็พูดไม่เต็มปาก
เพราะทีมกฎหมายเห็นว่าการตัดสินขององค์กรอิสระส่วนใหญ่มักวินิจฉัย "เป็นโทษ" มากกว่า "เป็นคุณ" กับพรรคเพื่อไทย
และเมื่อจับใจความของฝ่ายที่จองกฐิน-คาดโทษ พรรคร่วมรัฐบาลและ ส.ว.เลือกตั้งที่ร่วมลงชื่อ-ขานชื่อโหวตให้กับการแก้ไข-ออกกฎหมาย ล้วนแสดงเจตนาชัดเจนว่าจะค้านจนวินาทีสุดท้าย
เช่น "กรณ์ จาติกวณิช" ขุนคลังแห่งพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าจะค้านจนถึงที่สุด "เราแพ้เสียงข้างมากในสภา แต่ผมได้พูดไว้ว่าผมจะค้านการกู้นี้จนถึงที่สุด ผมจะเข้าไปทำหน้าที่ในกรรมาธิการ และจะค้านต่อไปในวาระการพิจารณาที่สอง และถ้ากฎหมายในรูปปัจจุบันผ่านสภาไปได้ ผมก็ยังมั่นใจว่า กฎหมายนี้ขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญอยู่ดี"
ขณะที่ "วิรัตน์ กัลยาศิริ" มือกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ ฟันธงว่า พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 169 เช่นเดียวกับการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเรื่องการแก้ไขมาตรา 68
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มแนวร่วมพร้อมรบกับฝ่ายค้าน และ ส.ว.สายสรรหา อย่างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เตรียมเคลื่อนไหวคัดค้านทั้งบนดินและใต้ดินทันที
โดย "พล.ต.จำลอง ศรีเมือง" แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า จะติดตามสถานการณ์บ้านเมืองอย่างใกล้ชิด หากเกิดสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤตจริงจะเรียกประชุมด่วน และเคลื่อนไหวออกชุมนุมทันที เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 มาตรา และการเสนอร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน เราไม่เห็นด้วยแน่นอน พร้อมคัดค้านและดำเนินการทางกฎหมายถึงที่สุด
ทั้งหมดเป็น 2 ขวากหนามที่ต้องเผชิญ
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
///////////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น