ใต้ภาวการณ์ทางเศรษฐกิจที่ขยับลงกราวรูด! เวลานี้ทั้งภาครัฐและเอกชนต่างระดม “สรรพกำลัง” เข้ามาจัดการปัญหาเหล่านี้ ที่ล้วนมีผลกระทบต่อเนื่องจากปีนี้ไปจนถึงปีหน้า โดยเฉพาะการปั้นตัวเลขการส่งออก ที่รัฐบาลยังแก้ไม่ตก หลังจากเลวร้ายถึงขีดสุด เพราะโตแค่ 5% เท่านั้น หรือแม้แต่ราคาสินค้าเกษตร ที่วันนี้ยังคงตกต่ำไม่เลิก...
ด้วยเหตุและปัจจัยดังกล่าว พลันให้ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้หลุดปาก ฝังกลบความจริงในเรื่องการส่งออก ประกาศชัดว่า...ปีนี้ไทยจะส่งออกได้เกิน 15% ทำให้พรรคการเมือง “ฝ่ายค้าน” ได้ออกมาโจมตีอย่างหนักว่า “ขุนคลัง” ริปั้นตัวเลขทางเศรษฐกิจ ด้วยการยกเอาวลีเด็ด “โกหกสีขาว” ออกมาประจาน และใช้เป็น “จุดอ่อน” ถล่มใส่รัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”
ทั้งหมดทั้งปวง ทำให้ “กิตติรัตน์” ตกอยู่ในภาวะ “กลืนไม่เข้า...คายไม่ออก” ทั้งการตอบคำถามกับสังคม และยังมีกระทู้ถามสดจาก “เกียรติ สิทธีอมร” ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ยังค้างอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร เรื่องนี้แม้จะมองว่า “กิตติรัตน์” มีเจตนาดีที่หวังจะเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนก็ตาม แต่คงรู้แจ้งเห็นชัดว่า ภาคการส่งออกจะโตถึง 15% ในปีนี้... ย่อมเป็นไปไม่ได้! เหนืออื่นใด เรื่องการเติบโตของตัวเลขส่งออก คงมิใช่แค่เรื่องที่ไม่ได้เสียเท่านั้น แต่การคาดการณ์ที่ผิดพลาด ย่อมทำให้การวางแผนบริหารประเทศล้มเหลวไปในคราวเดียวกัน
“สุกิจ คงปิยาจารย์” นายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย บอกว่า การประชุมที่รัฐบาลเรียกเอกชนไปร่วมนั้น “ไม่มีอะไรใหม่ พูดเรื่องเดิมๆ ซ้ำซาก” โดยเฉพาะเรื่องตัวเลข 4 เดือน ที่เหลือของปีนี้ ไม่มีผลอะไร เพราะปิดฤดูกาลสั่งซื้อสินค้าไปแล้ว สิ่งที่เอกชนเห็นว่ารัฐบาลควรทำคือมองไปข้างหน้า เพราะปีหน้าจะหนักและเหนื่อยกว่านี้ ส่วนตัวเลขเป้าหมายนั้น จะปรับลดลงเหลือเท่าไร เอกชนไม่สน ขอแค่ว่าภาครัฐจะช่วยทำอะไรให้มากกว่าเดิม สรุปได้ว่าภาครัฐกับเอกชน “พูดกันคนละภาษา” ทั้งๆ ที่ใช้ภาษาไทยเหมือนกัน เพราะทางการต้องการยกตัวเลขอัตราโตของการส่งออกมาเป็น “เป้า” ขณะที่เอกชนมองดูว่าจะ “บริหาร” ให้ผ่านการตกต่ำของการส่งออกได้อย่างไร โดยต้องแยกแยะลงไปที่แต่ละอุตสาหกรรม และแก้ปัญหาด้วยการลงไปลุยในแต่ละจุด รัฐมนตรีหลายกระทรวงจึงพูดกันไปคนละทาง แม้ต่างจะพยายามใช้วิธีการ “ปลอบใจตัวเอง” ว่าสถานการณ์ไม่ได้ย่ำแย่ถึงขนาดนั้น
ด้าน “พรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล” รองประธานกรรมการ “หอการค้าไทย” กล่าวว่า มุมมองภาคเอกชนคงไม่ได้กังวลมากในเรื่องดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาก็ได้ระบุตลอดว่าการส่งออกในปีนี้จะไม่ถึงตามเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้แต่แรกอยู่แล้ว แต่ภาครัฐก็ยังยืนยันเป้าหมายดังกล่าวมาตลอด และปฏิเสธที่จะปรับลดเป้าหมายการส่งออกลงตามความเป็นจริง ซึ่งก็เข้าใจว่าส่วนหนึ่งภาครัฐอาจจะยังมีความมั่นใจอยู่ว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายจากที่เขาศึกษาข้อมูลดีอยู่แล้วจึงได้มีการยืนยันหนักแน่น
“การออกมายอมรับว่าต้องโกหกเพื่อสร้างความเชื่อมั่นนั้น คงจะไม่ส่งผลอะไรในครั้งนี้ แต่กังวลว่าในอนาคตหากรัฐบาลตั้งเป้าหมายอะไรขึ้นมาก็จะไม่มีใครให้ความเชื่อมั่นหรือให้ความไว้วางใจ เพราะไม่แน่ใจว่าจริงหรือเท็จ ซึ่งหากภาครัฐทำอย่างนี้บ่อยๆ ตัวเลขอะไรที่ออกมาจากภาครัฐมันจะไม่น่าเชื่อถือซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงโดยเฉพาะเครดิตของรัฐบาลในอนาคต”
ขณะที่ “รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์” นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์การเมือง ย้ำหัวตะปูว่า รัฐบาลต้องพูดความจริง เพราะนักลงทุนเชื่อข้อมูลของรัฐบาลเป็นหลัก แต่การที่รัฐบาลออกมาบอกว่าตัวเลขเศรษฐกิจของรัฐบาล เป็นการ “โกหกสีขาว” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนนั้น เป็นสิ่งที่ไม่น่าถูกต้อง และในระยะต่อไปข้อมูลของรัฐบาลจะไม่ได้รับความเชื่อถือจากนักลงทุนอีกต่อไป
“การตั้งเป้าเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะมองเป็นภาพทางบวกนั้นไม่ใช่เรื่องผิดแต่ตัวเลขที่ประเมินต้องใกล้เคียง กับความเป็นจริงมากที่สุด และสุดท้ายเมื่อมีแนวโน้มว่าตัวเลขที่ประเมินไม่ใกล้เคียงกับความเป็นจริง ก็ควรเร่งปรับเป้าหมายให้ใกล้ความจริงที่สุด ไม่ใช่การออกมาพูดว่าเป็นการโกหกในเรื่องที่ดีแบบนี้”
ที่มา.สยามธุรกิจออนไลน์
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น