ในที่สุดสถานการณ์ 3 จังหวัดภาคใต้ก็เข้าสู่โหมดที่ไม่อาจตีความเป็นอย่างอื่นได้ว่า มีประชาชนที่นั่นส่วนหนึ่งได้ “จุดชนวน” ให้ปรากฏชัดว่า แผ่นดิน 3 จังหวัด ภาคใต้ของไทยได้ “เปลี่ยนธง” ไปอยู่กับแผ่นดินมาเลเซียแล้ว
ด้วยการเผาธงชาติไทยและปักธงชาติมาเลเซียเกลื่อนกลาดไปมากกว่า 100 จุด
ในทางจิตวิทยา ถือเป็นความสำเร็จในเชิงสัญลักษณ์อย่างท้าทายยิ่ง
พี่น้องชาวไทยซึ่งอยู่ในภาคอื่น หรือแม้แต่คนภาคใต้แท้ๆ ที่ไม่เคยเดินทางไปอยู่ 3 จังหวัดภาคใต้นานๆ คงไม่รู้ว่าพฤติกรรมของชาวมาเลย์และชาวไทยมุสลิม ที่นั่นเขาเดินทางไปมาหาสู่กันเป็นกิจวัตรปกติเหมือนคนแผ่นดินเดียวกันมานานแล้ว อันเนื่องมาจากวงศาคณาญาติที่เป็นเทือกเถาเหล่ากอเดียวกันมาตั้งแต่อดีตกาล อันเป็นเรื่องยากที่อำนาจรัฐจะไป “ตัดญาติ” ให้ขาดสะบั้นได้
นอกจากใช้ศิลปะในการบริหารทางการเมืองชั้นสูงเท่านั้น
แต่เพราะประเทศไทยนับกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางอำนาจรัฐจึงทำให้ 3 จังหวัดภาคใต้ เป็นดินแดน “ไกลปืนเที่ยง” ไกลหูไกลตา ไกลการพัฒนาและถูกทอดทิ้งให้ประชาชนที่นั่นซึ่งผูกพันด้วยวัฒนธรรมและศาสนาเดียวกันเป็นทุนเดิม อยู่แล้ว จึงง่ายเหลือเกินที่จะ “เลือกคิด เลือกทำ” ตามวิธีการเดียวกันกับคนมาเลย์
ยิ่งการทำมาหาเลี้ยงชีพ ก็ผูกติดเชื่อมโยงกับฝั่งมาเลเซียมากกว่าได้รับสนับสนุนจากรัฐบาลกรุงเทพฯ...แล้วมันจะเหลืออะไรให้ยึดโยง เคารพ นับถือ หรือ ให้ความรักศรัทธาเกี่ยวพันด้วยจิตวิญญาณที่ลึกซึ้งต่อกันกับรัฐบาลไทย
วงราชการอันเป็นหน่วยปกครองที่ถอดแบบอำมาตย์กดขี่ทาสชั้นต่ำ แถมยัง บริหารเชิงครอบงำเพื่อหวังความได้เปรียบในฐานะมีวัฒนธรรมที่สูงกว่าของข้าราชการจากส่วนกลางโดยตรง
แม้แต่ข้าราชการจาก 11 จังหวัดที่เรียกตัวเองว่า “คนปักษ์ใต้” แต่ไม่ใช่คนปัตตานี ยะลาและนราธิวาส ก็ยังคิดโยกย้ายไปอยู่ที่นั่นเพื่อ “ชิงการนำ” ทางการเมืองและการปกครองใน 3 จังหวัด มากกว่าคิดที่จะอยู่พัฒนาท้องถิ่นให้ก้าวหน้าเพื่อยกระดับให้เหนือกว่าเพื่อนบ้านมาเลย์
พูดง่ายๆ ว่า คนปักษ์ใต้ก็หวังจะครอง 3 จังหวัดนั่นเสียเองว่างั้นเถอะ
แนวคิดเหล่านี้ จึงไม่ต่างกับยุทธศาสตร์ของฝ่ายความมั่นคง ที่ยกกองทัพลงไปถึง 60,000 คน หวังจะเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้การปกครองแผ่นดิน 3 จังหวัดอยู่ในอาณัติ “ให้อยู่หมัด”
มันก็ยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ ในเมื่อคนที่นั่นยังสัมผัสกับกลิ่นอาย “ประชาชนชั้น 2” และเขาก็ยังถูกกติกา 2 มาตรฐานปฏิบัติกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ธงชาติมาเลเซียที่ถูกปักใน 3 จังหวัดภาคใต้นับร้อยจุด กลายเป็นแผนรุก “ยุทธศาสตร์ใหม่” อีกขั้น เพื่อทำลายหลักการปกครองของระบบราชการไทยให้ไร้ประสิทธิภาพโดยสิ้นเชิง
ธงชาติมาเลย์ที่ปักเป็นริ้วรายตามถนนบนแผ่นดิน 3 จังหวัด ได้ท้าทายแบบ “ตบหน้าฉาดใหญ่” ต่อฝ่ายความมั่นคง และทหารไทยทั้งกองทัพหรือไม่ โดยเฉพาะระดับแกนนำกองทัพที่ยังยึดมั่นกับ “ทหารนำการเมือง”
ธงชาติมาเลย์เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า มาเลเซียมีส่วนร่วมยุยง ให้ท้ายต่อกองกำลังจรยุทธ์ในแผ่นดิน 3 จังหวัดด้วยหรือไม่ ย่อมเป็นปุจฉาให้แกนนำทั้งกองทัพ “ตีโจทย์แตก” เข้าใจอย่างถ่องแท้ หรือหลงทาง “ตาบอด 8 ปี หาตัวการไม่เจอ” หรือว่า แอบ “น้ำลายไหล” ให้สถานการณ์เรื้อรังต่อไป เพื่อหวังให้งบประมาณบานฉ่ำเพิ่มขึ้นหรือไม่
ธงชาติมาเลเซีย ใน 3 จังหวัดภาคใต้ ได้สะท้อนภาวการณ์แก้ปัญหาที่ “เอาไม่อยู่” ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ รวมทั้งอาการน้ำลายฟูมปากของฝ่ายค้าน ที่ปวกเปียกป้อแป้พอๆ กัน โดยไม่รู้ว่าจะจับต้นชนปลายหยิบมุมไหนมาแก้ยังไงดี
โดยไม่มีใครคิดเอาประชาชนคน 3 จังหวัดนั้นมา “มีส่วนร่วม นำทาง” เพราะดันคิดเหมือนกันหมดว่าไว้วางใจใครไม่ได้สักคนเดียว
หรือนั่นคือ ร่องรอยที่รอให้แผ่นดินไทยไหวแยกตัวไปตามวันเวลาอันโง่เขลา ของชนชั้นกุมอำนาจทุกฝ่ายในกรุงเทพฯ!
ที่มา.สยามธุรกิจออนไลน์
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น