ประชาชนยังผวาน้ำท่วมเมื่อปลายปี ที่แล้วอยู่ไม่หาย ทั้งๆ ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเริ่มบริหารประเทศตั้งแต่ 25 สิงหาคม 2554 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แทบไม่ได้เริ่มต้นทำงานตามนโยบายหาเสียง เอาแต่ทุ่มเทแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากับน้ำท่วม “เอาอยู่ค่ะ...” น.ส.ยิ่งลักษณ์ เริ่มเป็น นายกรัฐมนตรีหมาดๆ ให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนที่กำลังแตกตื่นกับน้ำที่ไหลมาจ่ออยู่ริมรั้วบ้านอย่างหวั่นวิตกขึ้นต้นปี 2555 วิกฤติน้ำท่วมผ่านพ้น อย่างทุลักทุเล น้ำทิ้งร่องรอยความเสียหาย มหาศาลไว้หลายพื้นที่สำคัญๆ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตั้งงบประมาณ 1.2 แสนล้านบาทฟื้นฟูประเทศ ครั้งใหญ่ โดยส่วนใหญ่เป็นการจัดเตรียมป้องกัน น้ำท่วมปี 2555 และในอนาคต เป้าหมายหลักๆ อยู่ที่ลดปริมาณน้ำท่วมให้น้อยลงกว่าปี 2554 นั่นหมายถึงน้ำยังท่วมอยู่ แต่ไม่มากมายถึงขั้นเกิดอาการหลอนหวั่นผวา หรือประชาชนแตกตื่นกันยกใหญ่ซ้ำสอง
รัฐบาลวางยุทธศาสตร์ผจญกับน้ำท่วม ใน 4 กรณีสำคัญ คือ 1.น้ำต้องมีที่อยู่ 2.น้ำ ต้องมีที่ไป 3.การป้องกันพื้นที่สำคัญ และ 4.เตือนภัย กล่าวเฉพาะคือ รัฐบาลพยายามจัดการ ควบคุมทางไหลของน้ำ ตั้งแต่ต้นทางจาก ภาคเหนือมาสู่พื้นที่ภาคกลาง แล้วผ่าน กทม. ปลายทางน้ำไหลเพื่อไปออกทะเล กระบวนการ จัดการทั้งหมดนี้อยู่ที่วิธีการขุดลอกคูคลอง สร้างผนังกั้น ซึ่งไม่ยากเย็นเกินกว่าวิธีคิดแบบวิทยาศาสตร์ของมนุษย์จะกระทำเลยเหมือนกับง่าย แต่มนุษย์ยากที่จะเอา ชนะธรรมชาติได้ เพราะธรรมชาติมีชีวิต สามารถปรับเปลี่ยนไปตามกับสิ่งแวดล้อมได้เสมอ
> เตรียมพร้อมรับมือ
ก่อนถึงฤดูมรสุมน้ำหลากปี 2555 มาถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ สั่งการไปยังจังหวัดภาคเหนือพื้นที่ต้นน้ำให้เตรียมพร้อมรับมือน้ำให้เสร็จในเดือนมิถุนายน จังหวัดกลางน้ำต้องเสร็จเดือนกรกฎาคม และจังหวัดปลาย น้ำควรเรียบร้อยในเดือนสิงหาคม
เมื่อทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอยค่อนข้างแน่ใจว่า “เอาอยู่ค่ะ” การทดสอบระบบทางน้ำไหลตาม “เส้นทางต้น-กลาง-ปลาย” จึงเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ เอาอยู่จริงๆ เพราะผล ทดสอบออกมา “ราบรื่น น่าพอใจ และรัฐบาลป่าวประกาศน้ำไม่ท่วม (อีกแล้ว) แน่” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ฉีกยิ้มอารมณ์ดีกับแผน ป้องกันน้ำท่วมอันเอกอุมาช่วยเติมแต่งสร้าง หน้าตารัฐบาลให้ดูดี มีกึ๋น มากฝีมือ ราวกับ ปัดข้อกล่าวหา “นายกรัฐมนตรีละอ่อน ไร้ประสบการณ์” จนแทบไม่เหลืออาการวอกแวกจากพรรคประชาธิปัตย์ได้แทบราบคาบ
ย่อมสมควรดีใจออกนอกหน้าอยู่ เพราะรัฐบาลได้ทุ่มเททำงานมาตลอดปีด้วย งบประมาณมหาศาลที่ทุ่มไปกับการขุดลอก คูคลอง สร้างผนังกั้นน้ำ กำหนดแผน ปล่อยน้ำในปริมาณการไหลที่ “คน” สามารถ ควบคุมจัดระบบการไหลของน้ำทั้ง “ต้น-กลาง-ปลาย” ให้ไหลเป็นระเบียบไม่มีแตกแถวมนุษย์ยังควบคุมเอาชนะธรรมชาติด้วยระบบการจัดการแบบวิทยาศาสตร์อย่างได้ผล...ช่างน่าสนใจ แต่เมื่อล่องมรสุมหอบเอาฝนห่าใหญ่ พัดผ่าน ฝนตกหนักต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา ถนนในกรุงเทพฯ บางสายเจิ่งนองด้วยน้ำในอึดใจไม่เพียงเท่านั้น เมืองใหญ่ๆ ตามเส้น ทางน้ำผ่าน ทั้งต้น-กลาง-ปลาย น้ำทะลักผนังกั้นน้ำไหลท่วมเป็นปกติ พร้อมๆ กับพัดเอางบประมาณที่ทุ่มเทไปแทบไม่มีความหมาย ธรรมชาติยังอยู่เหนือการควบคุม และ ปรับเปลี่ยนวิถีออกนอกคอก หนีระบบการจัดการของมนุษย์อยู่เป็นประจำรัฐบาลนิ่งอีกแล้ว ยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งหุบลง น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังไม่ฟูมฟายสักแอะ
> “เอาอยู่”...ไม่ได้โม้!!!
วลี “เอาอยู่ค่ะ” ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลุดปากเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ประชาชน ผจญน้ำท่วมเมื่อปี 2554 ได้มั่นใจ และวลีนี้ พรรคประชาธิปัตย์หยิบมาขยายผลต่อสาธารณะจนมีสีสันการเสียดสี ประชด-ประชัน นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด ไร้ประสบการณ์ทำงานการเมืองระดับชาติ
เมื่อถึงฤดูน้ำหลากในปี 2555 ลมมรสุมพัดกระหน่ำฝนตกมาอย่างหนักตั้งแต่ 6 กันยายน ระบบควบคุมน้ำไหลยังไม่พร้อม กับการทุ่มเทเงินเป็นแสนล้านบาท ปริมาณ น้ำสะสมมากขึ้นจนไหลออกนอกคูคลองและ ผนังกั้นมาท่วมพื้นที่นา ทะลักสู่ย่านเศรษฐกิจ และบ้านเรือนประชาชนอย่างหนักเมื่อวันที่ 9 กันยายน
ฝนห่าใหญ่กับน้ำท่วมในพื้นที่สำคัญของจังหวัดพิษณุโลกและสุโขทัย ช่างเป็นใจ ให้พรรคประชาธิปัตย์เยาะเย้ยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ อย่างสนุกครื้นเครง ฉากหลังรายการวิจารณ์ การเมือง “สายล่อฟ้า” ของสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมสีฟ้ายี่ห้อ “บลูสกาย” ขึ้นข้อความใหม่ ตัวใหญ่โดดเด่นว่า “ดีแต่โม้”
ไม่ผิดแน่ “ดีแต่โม้” คงเป็นวลีประชด-ประชันทางการชิ้นใหม่ที่มีความหมายเย้ยหยั่นการทำงานแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาลที่ออกข่าวคุยโต โอ้อวดว่า “เอาอยู่ค่ะ” สามารถควบคุมน้ำท่วมปี 2555 ได้ผล ประชาชนอย่าผวา โปรดรับทราบด้วยความเชื่อมั่น แต่ความจริงแล้ว ผลงานรัฐบาลแก้ปัญหาน้ำท่วม กลับกลายเป็นน้ำลายการเมือง เยิ้มท่วมปาก ราวกับนักการเมืองขี้โม้อะไรประมาณนั้น เพราะปริมาณน้ำเริ่มท่วมหนัก และมีแนวโน้มหนักขึ้น ย่อมเป็นรูปธรรมได้ ชัดเจนเหนือการอธิบายสนับสนุนเคียงข้างได้
สื่อโหมประโคมการรายการอย่าง ตื่นเต้น น้ำท่วมจังหวัดน่าน อุตรดิตถ์ จนประชาชนเก็บข้าวของหนี เมืองลำปาง นครสวรรค์เกิดการแตกตื่น แล้วไหลมาสร้างความ ลำบากให้เมืองพิษณุโลกและสุโขทัยในระดับ สูงเป็นเมตร เส้นทางคมนาคมถูกน้ำตัดขาด แล้วทะลักท่วมบ้านในจังหวัดพิจิตรเป็นหย่อมๆ
นอกจากนี้ ประชาชนจังหวัดอ่างทอง เริ่มออกอาการผวาน้ำเจ้าพระยาเริ่มล้นตลิ่ง เข้าท่วมบ้าน และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถึงกับออกประกาศเตือนประชาชนริมตลิ่งให้เฝ้าระวังน้ำล้นตลอด 24 ชั่วโมง ผลกระทบจากวิกฤติน้ำท่วมส่อแววเป็นเหมือนปี 2554 และเริ่มมาตั้งแต่ “ต้น-กลาง ยันปลายน้ำ” เอาเสียด้วย คนทุกจังหวัดริมทางน้ำไหลในปริมาณมากๆ ย่อมออกอาการผวาแตกตื่นเป็นธรรมดา โดยเฉพาะคน กทม.ซึ่งเป็นปลายน้ำยากที่จะหลีกเลี่ยงได้เช่นกัน
ภาพถนนในที่สูงและทางด่วนกลายเป็น พื้นที่จอดรถหนีน้ำท่วมเต็มพรึบเมื่อปี 2554 ยังเป็นการสะท้อนวิกฤติหนักหน่วง ปริมาณ น้ำในปี 2555 อาจมีแนวโน้มให้ภาพเจ็บปวด เช่นนี้กลับคืนมาอีกครั้ง แน่ละ การคาดการณ์แนวโน้มที่มีชุด ความคิดแบบปี 2554 ย่อมไม่ใช่การประชด-ประชันเกินจริง และไม่ได้โม้สร้างความแตกตื่นซ้ำเติมประสาทประชาชนเข้าไปแบบล่องลอยตามจิตนาการเกมการเมืองเดิมๆ และซ้ำซาก
> มันผุดมากับน้ำแล้ว
ความจริงประชาชนเริ่มแตกตื่นกับน้ำท่วมอีกแล้ว พลังอาการหลอนผวาย่อมไม่เกิดผลดีทางการเมืองกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทยแน่ วลีเอาอยู่หรือความมั่นใจในการจัดการควบคุมได้ อาจไม่ทำให้รัฐบาลเอาตัวรอดและได้รับความเห็นใจจาก ประชาชนอีกแล้วเป็นธรรมดาการเมืองปัจจุบันถูกแบ่ง ข้างชัดเจน แยกเป็นฝ่ายแดงกับอยู่ข้างสีเหลือง แบ่งกำลังใจให้รัฐบาลจนหมดตัวกลับหันมาสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์
ในสังคมแบ่งฝ่ายมากพวกเช่นนี้ ชุดข้อมูลของฝ่ายใดย่อมอยู่ในระบบความคิดของมวลชนฝ่ายนั้น ดังนั้น สังคมจึงไร้การไตร่ตรอง เพราะมุ่งมั่นเอาชนะกันเป็นธงคำตอบทางการเมือง...สิ่งนี้ถูกก่อรูปขึ้นในสังคมเปลี่ยนผ่านและสะท้อนถึงศูนย์กลางอำนาจเริ่มแผ่ว ผู้คนจึงโกลาหลขาดหลักเหตุผลมายึดมั่น
เมื่อถูกซ้ำเติมด้วยวิกฤติน้ำท่วมซ้ำซากเข้าไปอีก ความผิดหวังกับรัฐบาลย่อม สูงขึ้น การทดสอบระบบไหลของน้ำเมื่อ 5 กันยายน ซึ่งเป็นผลงานทางการเมืองครั้งสำคัญคงหมดมนต์ขลังสะกดให้ประชาชนมา สนับสนุนอีกแล้ว แนวโน้มเริ่มบ่งบอกเช่นนี้ ดังนั้น อาการหลอนผวาจากวิกฤติน้ำท่วม ถูกพรรคประชาธิปัตย์เริ่มผลักมาเป็นเกมการเมืองอย่างมีน้ำหนัก ไม่ได้เป็นรองรัฐบาลยิ่งลักษณ์อีกแล้ว ซ้ำร้ายพรรคประชาธิปัตย์ค่อยผุดชุดข้อมูลการทุจริตในงบประมาณน้ำท่วมจำนวน 1.2 แสนล้านบาท ย่อมกลายเป็นอาวุธเชือดรัฐบาลทาง การเมืองอย่างได้ผล และประชาชนคงตั้งใจ เอียงหูฟังอย่างตื่นเต้นคล้อยตาม
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ เริ่มออกลายเข้าไปผสมส่วนกับปริมาณน้ำท่วมแล้ว เขาผุดข้อมูล เปิดปมโกงกินงบประมาณแก้ปัญหาน้ำท่วม ทางภาคเหนือออกมาเรียกน้อยย่อย การโกงที่เป็นชุดข้อมูลไว้ “เตรียมซักฟอกรัฐบาล” ถูกปล่อยมาเบื้องต้น โดยนายนิพิฏฐ์อ้างว่า มีการหักหัวคิวกว่าครึ่งใน รูปแบบการซอยสัญญาเลี่ยงงานรับเหมาถึง 200 ล้านบาทเพื่อไปแบ่งจ่ายเป็นค่าหัวคิวทางการเมืองและราชการมากถึง 30% นี่เป็นเพียงชุดข้อมูลเรียกน้ำย่อย จาก พื้นที่การทุจริตในงบประมาณแก้ไขน้ำท่วมทางต้นน้ำภาคเหนือ แล้วสนับประสาอะไรกับพื้นที่กลางน้ำและปลายน้ำจะไม่มีการกินนอกกินใน เอาเป็นว่า การโกงงบประมาณน้ำท่วม กำลังไหลกลายเป็นข้อมูลของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อน้ำยิ่งท่วมประชาชนยังหลอนผวาอยู่ การบริหารจัดการที่ผิดพลาด ย่อมเชื่อมประสานกับการสร้างเกมรุกทาง การเมืองของพรรคประชาธิปัตย์อย่างได้ผล
> เข้าทาง ปชป. หลอนผวา
ในยุทธการทดสอบน้ำไหลเมื่อ 5 กันยายนนั้น รัฐบาลฉีกยิ้มหน้าบานกับผลงาน อันราบรื่น พรรคประชาธิปัตย์ออกอาการซึมๆ ทางการเมืองที่ตกเป็นรอง ปล่อยให้รัฐบาลออกเกมรุกจนแทบถูกน้ำไหลพัดออก ทะเลไปไกลสุดตา แต่เพียงไม่กี่วัน มรสุมหอบฝนมาห่าใหญ่ น้ำเริ่มท่วมตั้งแต่ต้น-กลาง-ปลายทาง อย่าง กทม.คงไม่รอด พรรคประชาธิปัตย์ได้น้ำท่วมแล้วกลับฟื้น มีพลังทางการเมืองอย่างเหลือเชื่อ
ขณะนี้ในประเด็น “เกม” แล้ว พรรค ประชาธิปัตย์ยกชั้นจากฝ่ายรับทางการเมือง มาเคียงคู่ แบบหายใจรดคอรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ให้อึดอัด นับจากนี้ พรรคประชาธิปัตย์พูด ประชาชนย่อมรอฟัง และเมื่อเติมเชื้อร้ายการโกงด้านอื่นๆ ของรัฐบาล ย่อมทำให้ลด ทอนความน่าเชื่อถือของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้อย่างระทึกและหวั่นไหว คงจำกันได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ดำเนินกลยุทธ์ทางการเมืองทุกช่วงสถานการณ์ ไม่ว่าอยู่ในฐานะรัฐบาลหรือเป็นฝ่าย ค้าน บทบาทที่พรรคนี้ถนัดคือ สร้างความเลวร้ายให้ฝ่ายตรงข้ามเสมอ เพราะคำนึงถึง เป้าหมายชนะเป็นสิ่งสูงสุด ดังนั้น พรรคนี้จึงเต็มไปด้วยชุดความคิด “วิธีการอะไรก็ได้ ขอให้ชนะ ย่อมเป็นคุณธรรมทางการเมือง ทั้งสิ้น”
แนวโน้มการสร้างเรื่องร้ายๆ เข้ากัน ได้ดีกับประชาชนที่ “อินกับละครน้ำเน่า” ดังนั้นการลดทอนผลงานรัฐบาลในทุกกรณี ทั้งเปิดปมสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ เป็นเนื้องานที่จะสร้างให้รุนแรงยิ่งขึ้นได้ไม่ยากหรือขยายผล “ทุจริตนโยบายจำนำข้าว” ยังเป็นประเด็นต่อเนื่องที่พรรคประชาธิปัตย์เตรียมพร้อมผุดขึ้นมาได้ทุกเมื่อ ประกอบกับพรรคประชาธิปัตย์ถนัดการประติดประต่อ ผสมส่วนการทุจริตเข้าสู่การโยกย้ายข้าราชการได้อย่างมึนๆ รวมความแล้ว หากปัดคุณธรรมทางการเมืองแบบ ประชาธิปไตยสากลออกไปแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่กับพรรคประชาธิปัตย์คือ ความมึนราว กับหน้ามืดได้ชัยชนะทางการเมืองในอนาคตสิ่งเหล่านี้ ล้วนไหลมากับน้ำ จนพรรค ประชาธิปัตย์มีพลังฟื้นขึ้นมาผุดเกมการเมือง ทำลายล้างตามบทถนัด ในส่วนรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ไม่มีทางเลี่ยงต้องถูกชุดข้อมูลโกงคอยหลอกหลอนให้ผวาแตกตื่นเป็นแน่สมรภูมิ “ซักฟอก” งวดนี้ หากประเมิน เพียงเกมล้วนๆ คอการเมืองซาดิสต์คงสมใจ แน่ กับเชื้อร้ายที่ไหลปะปนมากับวิกฤติน้ำท่วมปี 2555 มนุษย์เอาชนะธรรมชาติได้ยากลำบาก แต่ห้ำหั่นเอาชนะกันทางการเมือง เป็นการง่ายได้เสมอ
ที่มา.สยามธุรกิจออนไลน์
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น