แม้การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจะจบลงด้วยชัยชนะของ "ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร" และ พรรคประชาธิปัตย์
แต่สงครามครั้งนี้ยังไม่จบ พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่สามารถนับศพทหารได้อย่างเบ็ดเสร็จ และไม่สามารถประกาศชัยเหนือเมืองหลวงได้อย่างเต็มปาก
เพราะ "ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์" ยังมีชนักติดหลังเป็น 2 คำร้อง 3 ประเด็น ที่เสี่ยงถูกเขี่ยพ้นจากคำว่าผู้ชนะ โดยมีประเด็นหลัก คือ กรณีที่ "ศิริโชค โสภา" ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ภาพเหตุการณ์ความวุ่นวายเมื่อปี 2553 และกรณีที่ "ดร.เสรี วงษ์มณฑา" นักวิชาการ โพสต์
เฟซบุ๊กว่า "ไม่เลือกเรา เขามาแน่"
ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำกรุงเทพมหานคร ชงเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม กกต.ใหญ่ ให้ชี้ขาดว่าจะฟันใบเหลือง ใบแดง หรือใบขาว
"สดศรี สัตยธรรม" กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า "เมื่อ กกต.จังหวัดเสนอมาว่ารับเป็นคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย ทำให้ กกต.กลางจะต้องดำเนินการต่อให้เสร็จเรียบร้อย เนื่องจากสำนวนที่ กกต.กทม.เสนอมายังไม่ได้เชิญผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจง ดังนั้น เมื่อสำนวนมาถึง กกต.กลาง ก็ต้องเข้าอนุกรรมการไต่สวนของ กกต.เพื่อตรวจสอบหลักฐานต่าง ๆ แล้วเชิญ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ รวมทั้งผู้ถูกกล่าวหาคนอื่น ๆ เช่น นายศิริโชค มาชี้แจงก่อนสรุปสำนวน แล้วบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมของ กกต.เพื่อวินิจฉัยคำร้อง"
อย่างไรก็ตาม เมื่อดูสถิติการรับรองผลผู้ว่าฯ กทม.ย้อนหลังในห้วงที่ 5 เสือ กกต.ชุดปัจจุบันทำหน้าที่ พบว่ามีการเลือกตั้ง
ผู้ว่าฯ กทม.2 ครั้ง คือการเลือกตั้ง
5 ตุลาคม 2551 ครั้งที่ "อภิรักษ์ โกษะโยธิน" จากพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยที่สอง ครั้งนั้น กกต.ประกาศรับรองในวันที่ 8 ตุลาคม ห่างจากวันเลือกตั้ง 3 วัน
ครั้งที่สอง คือการเลือกตั้งเมื่อ
11 มกราคม 2552 ที่พรรคประชาธิปัตย์
ส่ง "ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์" ลงครั้งแรก
โดย กกต.รับรองผลในวันที่ 14 มกราคม
ห่างจากวันเลือกตั้ง 3 วันเช่นกัน เนื่องจากทั้ง 2 ครั้งไม่ปรากฏว่ามีคำร้องทุจริต
แตกต่างจากการเลือกตั้งผู้ว่าฯ 3 มีนาคม 2556 แม้ "ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์" และพรรคประชาธิปัตย์ เป็นฝ่ายชนะเลือกตั้ง แต่ก็ยังร้อน ๆ หนาว ๆ เพราะไม่มีวี่แววว่า กกต.กลางจะรับรองในเร็ววัน สืบเนื่องจากพิษ 2 คำร้อง 3 ประเด็น ที่ กกต.กทม.ชงให้ กกต.กลางลงดาบ
แต่ในมุมของผู้ถูกกล่าวหาว่าทุจริต
อย่างพรรคประชาธิปัตย์ วิเคราะห์โอกาสรอดมีมากกว่าโดนเชือด
แม้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และโหรการเมืองอีกหลายสำนัก
จะโหนกระแส วิเคราะห์ว่าพรรคประชาธิปัตย์ และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะอาการสาหัส
เสี่ยงรับโทษรุนแรงจากใบเหลือง-ใบแดง หากแต่เป็นมุมมองที่สวนทางกับคนวงใน ที่เลือกใช้ยุทธวิธี "นิ่งสงบ สยบเคลื่อนไหว" แทนที่จะออกมาปะทะคารมกับคู่ตรงข้าม ตามคำบัญชาของ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" หัวหน้าพรรค
โดยยืนยันหลักการเดิมต้องเคารพกระบวนการตรวจสอบ ไม่ควรทำอะไร
ที่สร้างแรงกดดันให้ กกต. "อภิสิทธิ์"
เชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน
ตรวจสอบตามปกติ และยังไม่เห็นว่าจะมีอะไรผิดกฎหมาย และเมื่อกางกฎหมาย คำนวณความน่าจะเป็นกรณีเลวร้ายที่สุด กกต.แจกได้แค่ใบเหลือง ไม่มีใบแดง
สอดรับกับผลวิเคราะห์ ประเมินผลจากฝ่ายกฎหมายพรรคที่มองว่า โอกาสที่จะมีความผิด มีความเป็นไปได้น้อยมาก
เพียงแต่กังวลในท่าทีตีฆ้องร้องทุกข์ของฝ่ายตรงข้าม อาจเปลี่ยนสถานะ
ผู้ตรวจสอบอย่าง กกต. กลายเป็นจำเลย
ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด
"การที่เพื่อไทยออกมาแสดงท่าที
อย่างนี้ มันมีแต่ผลเสีย หาก กกต.ตัดสินว่ามีความผิด ก็จะถูกตีตราว่าถูกการเมืองชี้นำ
แต่ตัดสินตรงกันข้ามก็จะถูกกล่าวหาว่าไม่มีความยุติธรรม ดังนั้นเราควรเงียบ และปล่อยให้ กกต.ทำงานของเขา"
"ตามกระบวนการตรวจสอบ หาก กกต.กลางพบว่าส่อเค้าว่าจะมีความผิด จะต้องเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องไปชี้แจง แต่จนบัดนี้ไม่ว่าจะเป็นนายศิริโชค และ ดร.เสรี
หรือแม้กระทั่งนายอภิสิทธิ์ก็ยังไม่เคยถูกเรียกตัวไปชี้แจง นั่นย่อมเห็นแล้วว่า ผลลัพธ์สุดท้ายจะออกมาในทิศทางไหน"
ด้วยความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยมว่าจะไม่มีผลลัพธ์เป็นลบ ทั้งพรรคจึงเชื่อมั่นว่า
ควรรอฟังคำตัดสินอย่างสงบ ไม่ตอบโต้ ปะทะคารมทางการเมือง
มีเพียงหนึ่งใน "จำเลยจำเป็น" อย่างนายศิริโชค ที่ออกมาตอบโต้ ยืนยันความบริสุทธิ์ใจ โดยแถลงข่าวชี้แจงเรื่องที่มาที่ไปของภาพตัดต่อที่ถูกโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า ไม่มีทางที่จะผิดกฎหมาย
"ไม่ว่าจะดูมุมไหนก็ไม่ผิดกฎหมาย ผมไม่ได้ใส่ร้าย พล.ต.อ.พงศพัศ
พงษ์เจริญ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย
ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผาบ้านเผาเมือง ผมระบุชัดเจนว่า มีคนตัดต่อภาพฉากหลังที่มี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ (รมช.พาณิชย์)
ขึ้นรถหาเสียง ทำให้ชวนคิดถึงเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง"
"หากเทียบกับการเลือกตั้งใหญ่
เราถูกโจมตี กล่าวหาว่าสั่งฆ่าประชาชน
นายณัฐวุฒิก็เป็นคนทำไว้ ซึ่ง กกต.ก็วินิจฉัยว่าเป็นการกระทำที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เหตุการณ์นี้ก็จะเหมือนกัน ผมอยากให้กลับไปดูภาพตัดต่อจากกลุ่ม Red Club มากกว่า ที่นำศิลปิน ดารา นักมวย ออกมาชี้นำให้เลือกผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ผมว่านั่นต่างหากที่ผิดกฎหมายชัดเจน"
หากแต่ในมุมของศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.พรรคเพื่อไทย ที่มี "ภูมิธรรม เวชยชัย" เลขาธิการพรรคเป็นประธาน ที่อยู่ฝ่ายผู้ปราชัย กลับคาดการณ์คำวินิจฉัยของ กกต.ว่าจะออกเป็นใบเหลือง
เนื่องจากการกระทำของ "ศิริโชค" เข้าข่าย
ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าใจผิดในคะแนนนิยม
ดังนั้น วอร์รูมพรรคเพื่อไทยจึงส่ง
สัญญาณให้บรรดาลูกทีมอยู่ในสภาพ "พร้อมรบ" ทุกเมื่อ หาก กกต.เป่านกหวีดให้ใบเหลือง
"พล.ต.อ.พงศพัศ" ที่หลบหลังฉากอยู่ในเวลานี้ จะกลับมาปรากฏตัวอยู่หน้าฉากอีกครั้ง นโยบายไร้รอยต่อจะถูกเข็น
ออกมากางสู่สาธารณะ ควบคู่กับการชี้แจงคำครหา "เผาบ้าน เผาเมือง" ของฝ่ายค้าน โดยเฉพาะการนำคำวินิจฉัยของศาลแพ่ง ที่พิพากษาว่าการเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ไม่ใช่การก่อการร้ายมาชี้แจงกับ
ประชาชน
เคราะห์กรรมของ "ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์" ยังคงต้องลุ้นต่อไป เพราะชัยชนะที่ได้มายังไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด เข้าคำโบราณที่ว่า สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจ
//////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น